SHORT CUT
สมาคมดาต้าเซ็นเตอร์แห่งประเทศไทย ชูความโดดเด่นต่างชาติเข้ามาลงทุนเพียบ ไม่ว่าจะเป็น อาลีบาบา หัวเว่ย เทนเซ็นต์ อะเมซอน กูเกิล คาดใน 3 ปีเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียน
จากข้อมูลการคาดการณ์ของ Structure Research ระบุว่า ในปี 2566 ตลาดโคโลเคชั่นดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) มีกำลังไฟมากถึง 10,233 เมกะวัตต์ คิดเป็นประมาณ 40% ของตลาดทั่วโลก และในปี 2571 กำลังไฟจะเพิ่มขึ้นเป็น 19,069 เมกะวัตต์
แม้ประเทศไทยจะมีขนาด GDP ใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียน แต่มาเลเซียและอินโดนีเซียกลับมีการขยายตัวเรื่องเทคโนโลยีที่ชัดเจนกว่า เนื่องจากประเทศไทยยังติดปัญหาในเรื่องของนโยบายและกฎระเบียบ ทำให้การเดินหน้าสู่ยุค AI Economy ที่กำลังขยายตัวยังไม่รู้จะเดินไปในทางไหน
ทั้งนี้ เทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีอิทธิพลต่ออุปสงค์และอุปทานในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมหลัก
ยกตัวอย่างธุรกิจชิปอย่าง Nvidia ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.83 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความต้องการอย่างมากสำหรับการนำไปใช้ร่วมกับสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ให้บริการคลาวด์และคอนเทนต์แพลตฟอร์มด้วย จึงเป็นโอกาสดีหากบริการเหล่านี้ เลือกศูนย์ข้อมูลเพื่อจัดตั้งฐานปฏิบัติการที่ไทย
นายทศพล เพ็งส้ม ประธานสมาคมดาต้าเซ็นเตอร์แห่งประเทศไทย เล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อย่าง Alibaba Cloud, Huawei Cloud, Tencent Cloud, Amazon Web Services และ Google Cloud Platform มองเห็นศักยภาพและเข้ามาตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย
ดังนั้นการส่งเสริมและสนับสนุนสภาพแวดล้อมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และได้วางแนวทางในการดำเนินงานของสมาคมผ่านแนวคิด ดังนี้
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.8% ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินโครงการใหม่ ๆ ที่มุ่งเน้นการลงทุนเชิงรุก แคมเปญซอฟต์พาวเวอร์ระยะสั้นไปจนถึงโครงการระยะยาว อย่างเเลนด์บริดจ์ (LandBridge) ในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งจุดมุ่งเน้นสำคัญของความพยายามเหล่านี้คือการดึงดูดการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม