SHORT CUT
Apple กำลังเจอปัญหาหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาที่ใช้งบจำนวนมากแต่ได้ล้มไปหลายโปรเจกต์ เช่น Apple Car ซึ่งปัจจุบันยังได้มีการเปิดเผยว่า ยอดผู้ใช้ไอโฟนในสหรัฐฯลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี
Apple ต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากคู่แข่งหลากหลายเจ้าโดยเฉพาะฝั่ง Android ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นจนทำให้คนหันไปใช้แอนดรอยด์มากขึ้น ซึ่งได้มีการเปิดเผยสถิติว่า ยอดเปิดใช้ iPhone ในสหรัฐอเมริกา ลดลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี นั่นทำให้ Apple อาจต้องรีบเปิดตัวรุ่นใหม่และพัฒนา iOS ให้น่าสนใจมากกว่านี้
CIRP รายงานข้อมูลสัดส่วนยอดเปิดใช้ iPhone ในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2023 จากยอดเปิดใช้สัดส่วน 40% ลดลงไปเหลือ 33% ในเดือน มี.ค. 2024 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ลดลงมากในช่วงเวลา 12 เดือน ชี้ให้เห็นว่าคนสหรัฐฯหันไปใช้แอนดรอยด์มากขึ้น
ในอดีต Apple มีคู่แข่งโดยตรงอย่าง Blackberry, Windows Phone ซึ่งเดิมที iPhone ของ Apple นั้นจะอยู่ประมาณ 1 ใน 3 และยังมียอดเปิดใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงปีแรกของการระบาด COVID-19 ที่มียอดเปิดใช้เพิ่มขึ้นสูงมาก
ช่วงหลังๆในปีนี้มีสมาร์ทโฟน Android เปิดตัวเยอะมากขึ้น โดยรายงานเผยว่าในสหรัฐฯ มีสัดส่วนการเปิดใช้สมาร์ทโฟน Android ใหม่มากถึง 2 ใน 3 เลยทีเดียว
CIRP ยังได้เปิดเผยว่าการที่ยอดเปิดใช้ iPhone ลดลงนั้นมาจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ มีความพรีเมียม ราคาสูง ทนทานต่อการใช้งานมากขึ้นถึงแม้จะมีนวัตกรรมไม่มากก็ตาม
Apple จึงจำเป็นต้องเร่งในการพัฒนา iOS 18 ที่จะมาพร้อมฟีเจอร์ AI ใหม่ๆที่อาจดึงดูดคนให้กลับมาใช้ iPhone มากขึ้นทั่วโลก ซึ่งนี่ถือเป็นสงครามระหว่างแอนดรอยด์และแอปเปิลเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ยังคงนำหน้าเสมอ
แต่ก็อยู่ที่แอปเปิลจะสามารถทวงคืนส่วนแบ่งทางการตลาดกลับมาได้หรือไม่ ซึ่งทั่วโลกยังรอลุ้นกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และระบบปฏิบัติการต่างๆที่แอปเปิลเคยทำให้ทั่วโลกตื่นตาตื่นใจอาจช่วยให้แอปเปิลกลับมาครองบัลลังก์อีกครั้ง
ที่มา : MacRumors