svasdssvasds

เปิด 3 มาตรการคุมโควิด19 หลัง "สงกรานต์" หวั่นติดเชื้อพุ่งพบ XBB 1.16 ระบาด

เปิด 3 มาตรการคุมโควิด19 หลัง "สงกรานต์" หวั่นติดเชื้อพุ่งพบ XBB 1.16 ระบาด

เช็กเลย 3 มาตรการ กระทรวงสาธารณสุข วางคุม "โควิด-19" หลัง "สงกรานต์" ส่อติดเชื้อพุ่ง พบสายพันธุ์ XBB 1.16 ระบาดทั่วโลก อาจเป็นสายพันธุ์หลักต่อไป

17 เมษายน 2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังเทศกาลสงกรานต์ โดยระบุว่า เทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ กลับมามีกิจกรรมรวมตัวคนจำนวนมาก เช่น การสังสรรค์ในครอบครัว รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ โดยเฉพาะการเล่นน้ำสงกรานต์ ที่มีการจัดในหลายพื้นที่ หลังงดเว้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด19 มาหลายปี 

ซึ่งระหว่างทำกิจกรรม มีการใกล้ชิดและไม่ได้สวมหน้ากาก จึงเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และทำให้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น หลังเทศกาลสงกรานต์ได้ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ โดยสถานการณ์สัปดาห์ล่าสุด วันที่ 9 - 15 เม.ย. 66 พบผู้ป่วยรายใหม่เข้ารักษาในโรงพยาบาล 435 ราย เฉลี่ยวันละ 62 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย และผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งรับวัคซีนเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ข้อแนะนำประชาชน หลังเทศกาลสงกรานต์ ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน ระหว่างนี้หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากมีอาการป่วยให้ตรวจ ATK ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้วางแนวทางป้องกันการระบาดของโควิด-19 สำหรับประชาชน 3 มาตรการ คือ 

1.ทุกคนเข้ารับการฉีด วัคซีนโควิด-19 ประจำปี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน เริ่มเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ จะช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่ดี สามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ซึ่งยังคงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่รับวัคซีน แล้วไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ โดยกรมควบคุมโรค ได้จัดส่งวัคซีนและ LAAB ให้สถานบริการ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไว้ฉีดประชาชนอย่างเพียงพอ

2.สวมหน้ากากในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อร่วมกิจกรรม หรือไปสถานที่ที่มีกลุ่ม 607 จำนวนมาก เช่น โรงพยาบาล สถานดูแลผู้สูงวัย 

3.ให้ตรวจ ATK เมื่อป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ หากผลเป็นบวก ให้สวมหน้ากากเมื่อใกล้ชิดผู้อื่น หลีกเลี่ยงใกล้ชิดกลุ่ม 608 สถานที่มีคนจำนวนมาก หากอาการมากขึ้น เช่น เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาในโรงพยาบาล สำหรับกลุ่ม 608 หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับยาต้านไวรัส และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีสมาชิกครอบครัว เพื่อน เพื่อนนักเรียน เพื่อนร่วมงาน ที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวกในช่วง 1-2 สัปดาห์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค

ส่วนมาตรการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คือ

1.เร่งสื่อสารประชาชน และเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี พร้อมวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

2.เตรียมพร้อมยา เวชภัณฑ์ และเตียง รองรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการป่วยรุนแรงให้เพียงพอ

3.ทุกจังหวัดเร่งรัดติดตามเฝ้าระวังและรายงานโรคอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 ทุกราย ให้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งทางเดินหายใจ ส่งตรวจ RT-PCR และตรวจหาสายพันธุ์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมตรวจสอบประวัติที่เกี่ยวข้อง และรายงานข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง

4.ทุกจังหวัดให้เตรียมทีมออกสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตทุกราย เพื่อหาสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค รวมทั้งการระบาดของโรคที่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะในโรงพยาบาล โรงเรียน สถานดูแลผู้สูงวัย ผู้พิการและด้อยโอกาส ค่ายทหาร เรือนจำ กลุ่มนักท่องเที่ยว ตามเกณฑ์ที่กำหนด        

ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ยังเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อ โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ยังอยู่ในตระกูล โอมิครอน โดยสายพันธุ์หลัก เป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB และพบ XBB.1.5 และ XBB.1.9.1 มีแนวโน้มสูงขึ้น

ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 พบมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกันทั่วโลก โดยพบว่า ในประเทศอินเดีย มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเชื่อว่า XBB.1.16 มีแนวโน้มแทนที่สายพันธุ์อื่น ๆ ทั้งหมดในที่สุด หรือกลายมาเป็นสายพันธุ์หลัก ที่จะระบาดในช่วงต่อไป

แต่ยังไม่พบว่า มีความรุนแรงมากกว่า สายพันธุ์โอมิครอน อื่น ๆ และยังไม่พบว่า มีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน จากวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์อื่น ๆ  ที่พบในช่วงเวลานี้เช่นกัน

related