svasdssvasds

"อินฟลูเอนเซอร์" ทำคอนเทนต์ "อวดรวย" สร้างค่านิยมผิดๆให้เยาวชน ?

"อินฟลูเอนเซอร์" ทำคอนเทนต์ "อวดรวย" สร้างค่านิยมผิดๆให้เยาวชน ?

ในยุคสมัยนี้คำว่า "อินฟลูเอนเซอร์" พูดไปคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้อาชีพนี้กำลังสร้างความหนักใจให้กับใครๆหลายๆคน เพราะคอนเทนต์ที่ทำออกมานั้น ไม่ค่อยสร้างสรรค์สักเท่าไหร่

SHORT CUT

  • สภาพัฒน์หวั่นอินฟลูเอนเซอร์อาจสร้างคอนเทนต์ทางลบต่อสังคม เช่น การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์
  • สร้างคอนเทนต์การใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายเกินจริง การโชว์เงินสด รถยนต์หรูหรา อาจนำไปสู่การก่อหนี้
  • ต่างกับประเทศอื่นๆออกกฎหมายควบคุมการสร้างคอนเทนต์และต้องจดทะเบียน รับใบอนุญาตจากสภาสื่อแห่งชาติ
     

ในยุคสมัยนี้คำว่า "อินฟลูเอนเซอร์" พูดไปคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้อาชีพนี้กำลังสร้างความหนักใจให้กับใครๆหลายๆคน เพราะคอนเทนต์ที่ทำออกมานั้น ไม่ค่อยสร้างสรรค์สักเท่าไหร่

ในภาวะที่โลกใช้โซเชียลเป็นการขับเคลื่อนหลักในการใช้ชีวิต ทำให้อาชีพที่สามารถหารายได้จากโซเชียลนั้นได้งอกเงยขึ้นมา ตามความทันสมัย หนึ่งในนั้นคือ "อินฟลูเอนเซอร์" หรือเรียกอีกอย่างว่า นักรีวิว ซึ่งจะหารายได้จากผู้ติดตาม ทำให้มีอิทธิพลทางความคิดเป็นอย่างมาก และคอนเทนต์ที่นำเสนอนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นแง่ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุน เช่น คอนเทนต์ "อวดรวย" ทำให้สภาพัฒน์ แนะภาครัฐเร่งกำกับดูแลอินฟลูเอ็นเซอร์ เนื่องจากการทำคอนเทนต์ที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมเหล่านี้ อาจสร้างผลกระทบ "ทางลบ" ต่อสังคมได้ จนนำไปสู่การก่อหนี้เพื่อมาซื้อสินค้าได้

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์ (INFLUENCER) โดยพบว่า ในปัจจุบันการแข่งขันผลิตคอนเทนต์และการให้ความสำคัญกับ Engagement ของอินฟลูเอนเซอร์

ทำให้มักมีการสร้างคอนเทนต์ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมหลายประการ เช่น การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง อย่างข่าวปลอม หรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ 

ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวนอินฟลูเอ็นเซอร์รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน โดยประเทศไทยมีจำนวนกว่า 2 ล้านคน เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศอินโดนีเซีย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเป็นช่องทางสร้างรายได้ โดยมูลค่าทางการตลาดอินฟลูเอ็นเซอร์สูงถึง 19.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 140.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

อาชีพอินฟลูเอนเซอร์อาจสร้างค่านิยมทางลบต่อสังคม

สภาพัฒน์ได้ออกมาเตือนว่า อินฟลูเอ็นเซอร์อาจผลิตคอนเทนต์ที่มีอิทธิพลทางลบต่อสังคมในด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น 

  • การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง รวมไปถึงข่าวปลอม เช่น กรณีอินฟลูเอ็นเซอร์เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนว่า การดื่มน้ำต้มผสมข่า ตะไคร้ และใบเตย ติดต่อกัน 7 วัน และเว้น 7 วัน สามารถช่วยล้างไตและขับปัสสาวะ
  • การชักจูงหรือชวนเชื่อที่ผิดกฎหมาย เช่น การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์
  • การละเมิดสิทธิ เช่น การนำเสนอข่าวอาชญากรรมราวกับละคร เพื่อสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เสียหาย ครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิด และการนำภาพหรือวิดีโอของผู้อื่นมาตัดต่อลงคอนเทนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีแหล่งที่มา 
  • การสร้างค่านิยมที่ผิดต่อสังคม ตัวอย่างเช่น เนื้อหาการอวดความร่ำรวยเช่น แบรนด์เนม การบริการประทับใจ ไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการแต่งภาพบุคคลให้ดูดีเกินจริง ซึ่งอาจสร้างค่านิยมที่ผิดให้แก่เยาวชน และอาจนำไปสู่การก่อหนี้ได้

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ประเทศอื่นๆจัดการกับอินฟลูเอนเซอร์อย่างไร

จีน

  • สั่งห้ามเผยแพร่เนื้อหาอวดความร่ำรวย และการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายเกินจริง เช่น การโชว์เงินสด รถยนต์หรูหรา และการกินอาหารแบบทิ้งขว้าง เนื่องจากเป็นการสร้างค่านิยมในทางที่ผิดต่อสังคม
  • โครงการรณรงค์ ‘Diligent and Thrifty’ เพื่อเน้นย้ำถึงความประหยัด และการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
  • ยกเลิกการจัดอันดับความนิยมด้านชื่อเสียงเฉพาะบุคคล เพื่อให้ความสำคัญกับคุณภาพผลงานมากขึ้น
     

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

  • มีการออกกฎหมายให้ผู้ที่เป็นอินฟลูเอ็นเซอร์จะต้องจดทะเบียน และได้รับใบอนุญาตจากสภาสื่อแห่งชาติ (NMC) เพื่อป้องกันการโฆษณาเนื้อหา หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายบนโซเชียลมีเดีย

นอร์เวย์

  • ออกกฎหมายกำหนดให้อินฟลูเอ็นเซอร์ต้องแจ้งรายละเอียดภาพบุคคลที่ใช้สำหรับการขายและโฆษณาสินค้าบนโซเชียลมีเดียต่อหน่วยงานรัฐ
  • แสดงเครื่องหมายกำกับลงบนภาพหากผ่านการปรับแต่ง เพื่อลดปัญหาความกดดันทางสังคมต่อมาตรฐานความงามที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน

สหราชอาณาจักร

  • อยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎหมายสำหรับรูปภาพที่ผ่านการปรับแต่งดิจิทัล 
  • กำหนดให้ผู้โฆษณา ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ รวมถึงอินฟลูเอ็นเซอร์ต้องแสดงเครื่องหมายลงบนภาพที่มีการปรับแต่งส่วนหนึ่งส่วนใดบนร่างกาย

กฎหมายการควบคุมอินฟลูเอนเซอร์ในไทย

สำหรับประเทศไทย แม้มีกฎหมายในการควบคุมอย่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. ที่มีความพยายามปรับปรุงการกำกับดูแล การนำเสนอข้อมูลให้เท่าทันสื่อในปัจจุบัน

แต่ยังไม่มีการกำหนดกฎระเบียบสำหรับอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ชัดเจน นอกจากนี้ แนวทางการกำกับดูแลส่วนใหญ่เน้นไปที่การตรวจสอบและเฝ้าระวังการนำเสนอ การตักเตือน และแก้ไข

สภาพัฒน์ยังแนะว่า หากจะขยายขอบเขตการกำกับดูแลให้ครอบคลุม อาจต้องทบทวนการกำหนดนิยามของสื่อออนไลน์อย่างชัดเจน รวมถึงควรมีแนวทางการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับการผลิตเนื้อหาของสื่อกลุ่มต่างๆ

ที่มา : สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related