จากกรณีสารเคมีรั่วไหลจากโรงงาน พรรคก้าวไกล ตั้งคำถาม ความปลอดภัยในชีวิตประชาชนอยู่ที่ไหน ชี้ ถึงเวลาต้องมีกฎหมายควบคุมและตรวจสอบสารเคมีอันตราย เผย เคยผลักดัน “ร่าง พ.ร.บ. การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม” แต่ถูกปัดตกก่อนเข้าสภา
จากกรณีเกิเหตุสารเคมีรั่วไหล บริเวณโรงงานในพื้นที่ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่บทความ “ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทย ต้องมีกฎหมายควบคุมและตรวจสอบสารเคมีอันตราย” โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันนี้เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหล จากโรงงานอินโดรามา ถนนเพชรเกษม ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างในพื้นที่ มาจนถึงอำเภอพุทธมณฑล อำเภอสามพราน และบริเวณรอยต่อ กทม.ในเขตทวีวัฒนา
เหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลและอันตรายจากสารเคมีแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะถ้ายังจำกันได้เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีการระเบิดที่โรงงานหมิงตี้เคมีคอลที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชน
บทความที่น่าใจ
สารเคมีรั่วนครปฐม ฟันแล้ว! สั่งปิดโรงงาน 15 วัน พบเป็นฐานผลิตมา 30 ปี
กรมควบคุมมลพิษ ตรวจ สารเคมีรั่วนครปฐม 6 จุดรัศมี 20 กม. ไม่พบสารอันตราย
สารเคมีรั่ว อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สั่งตรวจในระยะ 20 กม. อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามว่าความปลอดภัยในชีวิตคนไทยอยู่ที่ไหน เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าโรงงานที่ตั้งอยูในละแวกบ้านเรานั้นเก็บสารเคมีอะไรที่เป็นพิษหรือเป็นอันตรายเอาไว้หรือไม่
นี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ. การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม” เรียกย่อๆ ว่ากฎหมาย PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) แต่น่าเสียดายที่ถูกประยุทธ์ปัดตกไปโดยอ้างว่าเป็นกฎหมายการเงิน ทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่เคยแม้แต่เข้าพิจารณาในสภา
โดยพรรคก้าวไกล ได้แจกแจงข้อดีของการมี กฎหมาย PRTR ดังนี้
ข้อดีของการมีกฎหมาย PRTR
1. โดยถ้ามีกฎหมาย PRTR แหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม เหมืองแร่ ต้องรายงานต่อกรมควบคุมมลพิษว่ามีการครอบครองสารมลพิษใดบ้าง และมีการปล่อยมลพิษปริมาณเท่าใด ตามรายชื่อสารมลพิษที่กรมควบคุมมลพิษกำหนด
2. กรมควบคุมมลพิษจะต้องเปิดเผยรายงานให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงและร่วมตรวจสอบได้
3. ประชาชนก็จะตรวจสอบได้ว่า โรงงาน เหมืองแร่ หรือแม้แต่ชุมชนของตนเองมีสารมลพิษอยู่รอบๆ ตัวบ้าง มีการปล่อยมลพิษอะไรสู่สิ่งแวดล้อมบ้าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน น้ำเสีย หรือขยะพิษ ขยะอุตสาหกรรม เมื่อตรวจสอบได้ชุมชนก็สบายใจ อุตสาหกรรมที่ทำถูกต้องในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายอีกต่อไป
4. เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่นเหตุระเบิด ไฟไหม้ ฯลฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการปัญหาได้อย่างตรงจุด อย่างกรณีที่เกิดเพลิงไหม้และระเบิดของโรงงานสารเคมีที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็จะทราบปริมาณสารมลพิษที่มีอยู่ทั้งหมดในโรงงานในทันที หน่วยงานที่จะต้องแก้ปัญหาสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา และเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพสารเคมี และยับยั้งเหตุ หรืออย่างน้อยก็ออกคำเตือนต่อประชาชนบริเวณโดยรอบได้ทันท่วงที
5. ประชาชนก็จะเลือกที่อยู่อาศัยโดยรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากสารมลพิษรอบตัว ระแวดระวังภัย และเกิดการซักซ้อมความรู้ความเข้าใจหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็มีความรู้และประสบการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงแบบที่คนในชุมชนบริเวณกิ่งแก้วต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้
พรรคก้าวไกลหวังว่าเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลในครั้งนี้จะทำให้กฎหมาย PRTR ถูกนำกลับมาพูดถึงในสังคมอีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ที่มา พรรคก้าวไกล