การมีสุขภาพที่ดี นอกจากการมีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว สุขภาพใจก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้เราสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข อย่างการ “วิ่งสมาธิ” ที่จะทำให้เรามีสุขภาพกาย และใจ แข็งแรงไปพร้อมๆ กัน
เนื่องในวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ที่ถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาอีกวันหนึ่ง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ร่วมมือกับ สมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย จัดงานเดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ครั้งที่ 17 ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อให้ประชาชนนำการปฏิบัติสมาธิ มาประยุกต์ใช้กับการวิ่ง ในการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีสติ
ศาสตราจารย์ดร.สุชาติ โสมประยูร ผู้คิดค้นการวิ่งสมาธิ ให้ข้อมูลว่า ได้ค้นพบการวิ่งสมาธิโดยบังเอิญ ระหว่างที่กำลังวิ่ง ภรรยาก็ฝึกสมาธิด้วยการเดินจงกรม จึงได้ศึกษาเรื่องการทำสมาธิจากภรรยา และทำสมาธิไปด้วขณะวิ่ง ซึ่งทำให้ตนเองไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนอย่างเคย
ประโยชน์ของการ “วิ่งสมาธิ”
ถ้าหากอยากจะเริ่มต้น “วิ่งสมาธิ” ต้องทำอย่างไร?
ศ.ดร.สุชาติ บอกว่า ก่อนวิ่งควรอบอุ่นร่างกาย และจิตใจ ด้วยการเดินเร็วหรือบริหารกาย 2-3 นาที ปรับอารมณ์ให้แจ่มใส ตัดความกังวลต่างๆ เมื่อเริ่มวิ่งให้ภาวนา “พุทธ” ลึกยาวตามลมหายใจเข้า และหายใจออกตามปกติภาวนาว่า “โธ”
การควบคุมจังหวะหายใจภาวนาไปพร้อมกับการวิ่ง อาจจะรู้สึกทำได้ยาก สิ่งที่ควรทำคือ วิ่งไปตามปกติโดยไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะการวิ่ง เมื่อทำไปสักระยะจะลงจังหวะและลงตัวไปเอง พอจะเริ่มหยุดวิ่งให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ด้วยการเปลี่ยนจากการวิ่งเหยาะมาเป็นเดินเร็ว และทำจิตใจให้สบายแทน
แน่นอนว่าการ “วิ่งสมาธิ” เมื่อทำเป็นประจำจะรู้สึกได้ว่า เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ เพราะเป็นการบูรณาการระหว่างร่างกายและจิตใจ ทำให้เราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีสติ รู้สึกตัวตลอดเวลา และสามารถนำการปฏิบัติสมาธิ มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ สสส.
ขอบคุณภาพจาก FB : วิ่งสมาธิ Running: Living in the Moment