จากการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก มีตัวเลขผู้เสียชีวิตเพื่อขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจลุกลามไปทุกมุมโลก
AHF หรือ มูลนิธิเอดส์ เฮลท์ แคร์ ได้ริเริ่มโครงการ ฉีดวัคซีนให้โลก (VOW: Vaccinate Our World) เชิญชวนให้ชาวไทยและประชาคมโลกร่วมมือกันผ่านโครงการนี้ ช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องให้กลุ่มประเทศร่ำรวย โดยเฉพาะกลุ่ม G20 และ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ เพิ่มงบประมาณสนับสนุน และขอให้บริษัทยายกเลิกหรือระงับสิทธิบัตรวัคซีนโควิด-19 เป็นการชั่วคราว พร้อมเร่งกำลังการผลิตเพื่อให้ประชาชนโลกกว่า 7,500 ล้านคนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงเท่าเทียมกันทั้งโลก เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่จะยุติการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้ได้ AHF ยังรณรงค์กันในเมืองสำคัญๆ ของทุกทวีปทั่วโลก เช่น กรุงเทพมหานคร, โจฮันเนสเบิร์ก, ลอนดอน, เซาเปาโล และ กรุงวอชิงตัน ดีซี
นายแพทย์ สรัท ชิม ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคเอเชีย มูลนิธิเอดส์ เฮลท์ แคร์ กล่าวว่า แม้สถานการณ์ของ โควิด-19 ในประเทศร่ำรวยบางประเทศจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ประเทศที่ยากจนหรือมีรายได้ปานกลางส่วนใหญ่ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 เช่น ประเทศอินเดีย ที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 300,000 คนต่อวัน ต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ เช่นเดียวกับยอดผู้เสียชีวิตที่ทะลุ 200,000 รายไปแล้ว
“เราเห็นว่าหนทางเดียวที่จะระงับยับยั้งวิกฤตครั้งนี้คือการทำให้คนทั่วโลกได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพราะจากข้อมูลจะพบว่าวัคซีนกว่า 700 ล้านโดสที่ผลิตขึ้นมา 87 เปอร์เซ็นต์ถูกจัดส่งไปยังประเทศที่มีฐานะร่ำรวยหรือค่อนข้างรวย มีเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ไปถึงยังประเทศที่ยากจน ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องร่วมกันลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวย ตลอดจนธนาคารโลกและสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ทั้งหลายช่วยกันบริจาคให้มากขึ้น และในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ควรให้มีการยกเลิกหรือระงับการใช้สิทธิบัตรวัคซีนโควิด-19 เป็นการชั่วคราว และขอให้โรงงานเร่งกำลังการผลิตให้มากที่สุด เพื่อให้ทันต่อการแพร่ระบาดและให้ผู้คนกว่า 7,500 ล้านคนทั่วโลกได้รับวัคซีน เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่เราทุกคนจะปลอดภัย”
ขณะที่นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนว่า “ปัจจุบันมีข้อมูลส่งต่อไปมากมายในโซเชียลมีเดีย อ้างถึงผลข้างเคียงของวัคซีนทำให้หลายคนเกิดความกังวลไม่กล้ามารับการฉีด ขอยืนยันว่า การฉีดวัคซีนนั้นดีกว่าไม่ฉีดแน่นอน เพราะจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงหากติดเชื้อ แม้การรับวัคซีนจะเป็นไปตามความสมัครใจ แต่อยากให้ทุกคนถือเป็นหน้าที่รับวัคซีนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเพียงพอและปิดจบการระบาดให้เร็ว”
ส่วนประเด็นความสำคัญของการยกเลิกหรือระงับสิทธิบัตรวัคซีนหรือยาต้านไวรัส นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า การแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ต้องตั้งเป้าหมาย 2 ประการ 1.การป้องกัน-เพื่อลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งต้องใช้วัคซีน 2.การรักษา-เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ต้องใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งต้องอาศัยการบริหารจัดการที่เป็นระบบ โดยระบบสิทธิบัตรจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการป้องกันและรักษา คือ ทั้งวัคซีนและยา ซึ่งผู้กำหนดนโยบายจะต้องเข้าใจและต้องทบทวนว่ามีกฎระเบียบใดที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีนและยาหรือไม่ แล้วต้องแก้ไขโดยเร็ว
“ทั่วโลกจะต้องให้ความสำคัญกับระบบทรัพย์สินทางปัญญา ต้องไม่ปล่อยให้มันมาเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการป้องกันและรักษาพยาบาลของประชาชน ยาและวัคซีนไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นปัจจัย 4 เป็นสินค้าเชิงคุณธรรมที่มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ ดังนั้นผู้กำหนดนโยบายจะต้องมีความกล้าหาญพอที่จะยกเลิกคำขอสิทธิบัตร หรือต้องประกาศทำ CL ยา (การบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรยา) กรณีที่มีการจดสิทธิบัตรไว้แล้ว เพื่อทำให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงยาและวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมกันและยั่งยืน”
แมทธิว ดีน พิธีกรและนักร้องชื่อดัง ได้เล่าประสบการณ์ว่า “หลังจากที่ทราบผลว่าติดเชื้อก็เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที โดยต้องรักษาอยู่นานกว่า 1 เดือน ความเจ็บปวดทรมานจากการรักษาไม่เท่ากับความทรมานใจจากความกังวลว่าจะเอาเชื้อไปติดคนในครอบครัวในช่วงแรกที่รู้ผลตรวจ ขณะเดียวกันระหว่างที่รักษาตัวก็ต้องห่างจากครอบครัว จากคนที่เรารัก อยากจะกอดก็ทำไม่ได้ จึงอยากฝากถึงทุกคนว่าขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้สวมหน้ากากและล้างมือทุกครั้งก่อนจะสัมผัสทุกส่วนของใบหน้า รวมทั้งหากไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่มีคนหนาแน่น ไม่ได้จะให้ทุกคนหวาดกลัว แต่ขอให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท และการ์ดอย่าตก ทั้งนี้เขาถือเป็นดาราคนแรกที่ออกมากระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงอันตรายของ โควิด-19 และให้ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท”
เราสามารถร่วมเป็นหนึ่งพลังเสียงกับโครงการ VOW : Vaccinate Our World ได้โดยเผยแพร่โครงการ VOW ด้วยการทวีตและโพสต์ภาพหรือข้อความลงในช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งทาง Facebook, Instagram, Twitter หรือ Tiktok แล้วติดแฮชแท็ก #VaccinateOurWorld #VOWnow #AHFThailandb หรือติดตามโครงการนี้ได้ที่ VaccinateOurWorld.org