"คลัง" สร้างความมั่นใจนักลงทุน ย้ำ! ปฏิรูประบบภาษีเป็นธรรม 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำการปฏิรูปภาษีสรรพสามิต เป็นการขยายฐานจัดเก็บและสร้างความเป็นธรรม ขณะที่ ภาคเอกชน เรียกร้องให้ชี้แจงระเบียบจัดเก็บก่อนบังคับใช้จริง เพื่อปรับตัวในการทำธุรกิจ

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

วันที่ 20 ก.ค. 60- นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาการปฏิรูปภาษีสรรพสามิต:ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่า แนวทางการแก้ไขและปฎิรูปภาษีสรรพสามิต เชื่อว่าจะทำให้หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และ ต่างชาติรายอื่น เห็นถึงความจริงจังในการปรับปรุงข้อกฎหมายให้มีความเหมาะสม และเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นการสร้างฐานภาษีใหม่ให้กว้างขึ้น แต่อาจต้องลดอัตราภาษีบางตัวให้เหมาะสมขึ้น ซึ่งการปรับปรับปรุงภาษีสรรพสามิตใหม่ อาจไม่ได้ส่งผลให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีของสูงขึ้นในปีนี้แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นในอนาคต ซึ่ง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 จะเริ่มมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 16 กันยายนนี้ ส่วน พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ และ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้เช่นกัน 

ส่วนโครงการที่รัฐบาลดำเนินการไปในปีนี้โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่คาดว่าเม็ดเงินจะทยอยเข้าสู่ระบบภายในสิ้นปีนี้และปีหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลง ทุนอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา ภาครัฐได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่น่ากังวลว่าการลงทุนภาคเอกชนในอนาคตจะชะลอตัว 

ด้านนางมัลลิกา ภูมิวาร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีศุลกากรและการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ บริษัทโบลิเกอร์ แอนด์ คอนซัตติ้ง กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีสรรพสามิตยังไม่กระทบต่อความมั่นใจ หรือทำให้ต่างชาติมีการย้ายฐานการลงทุนออกไป แต่สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการในเรื่องการปฏิรูปภาษีสรรพสามิต คือ การรับรู้ถึงกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆก่อนออกมาใช้จริง เพราะภาคเอกชนจะได้มีเวลาในการเตรียมตัว และจะสามารถลดผลกระทบที่ส่งผ่านไปยังผู้บริโภคได้ เพราะภาคเอกชนมีหลายอุตสาหกรรม และวิธีการคิดคำนวณราคาที่ต่างกัน และในช่วงเปลี่ยนผ่านภาครัฐอาจต้องมีการเตรียมมาตรการเยียวยาในเบื้องต้นไว้ให้ผู้ประกอบการด้วย หากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับตัวได้ทันในระยะแรกที่มีการประกาศใช้ 

โดยในระยะสั้นอาจมีผลกระทบด้านราคา บ้างแต่ระยะยาวเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อความเท่าเทียมและการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม