ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 10,004 ล้านบาท จากจำเลยร่วม 26 ราย โดยธนาคารเลือกไล่เบี้ยจากบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)(AQ) 1 ในจำเลยดังกล่าว
แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 ธนาคารได้รับชำระหนี้งวดแรกจาก AQ จำนวน 1,635 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ธนาคารกรุงไทย ไม่สามารถบังคับหลักทรัพย์จาก AQ แต่สามารถดำเนินการบังคับหลักประกันจากผู้กู้ คือ บริษัทโกลเด้น อินดัสเทรียล เทคโนโลยีฯ และ บริษัทเคแอนด์วีเอสอาร์เอส การ์เด้นโฮม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 4,323 ไร่ และเป็นทรัพย์หลักประกัน มูลหนี้จำนวน 8,300 ล้านบาท
ขั้นตอนต่อไปธนาคารกรุงไทยจะดำเนินการประสานกรมบังคับคดีเพื่อนำที่ดินแปลงดังกล่าวออกประมูลขายทอดตลาด โดยคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หากเป็นไปตามแผนดังกล่าวทางธนาคารกรุงไทย จะบันทึกการรับรู้รายได้จำนวน 10,004 ล้านบาทได้ทันที
“เงินสดที่ได้รับจาก AQ จำนวน 1,635 ล้านบาทนั้น แบงก์กรุงไทยสามารถบันทึกเป็นรายได้ทันที ที่เหลือจะสามารถบันทึกเป็นรายได้เมื่อขายทอดตลาดเสร็จสิ้น เท่ากับว่ากรุงไทยจะมีรายได้กลับเข้ามาอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท โดยจะช่วยชดเชยความเสียหายกรณีที่กรุงไทย ต้องกันสำรองภาระหนี้ของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) จำนวน 12,000 ล้านบาท”
ธนาคารกรุงไทย แจ้งงบการเงินไตรมาส 2/2560 กำไรสุทธิลดลงจาก 8,685 ล้านบาท เหลือ 3,222 ล้านบาท เนื่องจากต้องสำรองหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นกว่า 1.39 หมื่นล้านบาท โดยเป็น การสำรองหนี้ของ EARTH รายเดียวถึง 1.2 หมื่นล้านบาท
ราคาหุ้น KTB ปิดตลาด วันที่ 18 สิงหาคม ที่ 17.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 171 ล้านบาท
แหล่งข่าวรายเดิมระบุว่า หากกระบวนการจ่ายหนี้ของ AQ และแผนนำทรัพย์หลักประกันออกประมูลขายสามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่คาดไว้ คาดว่าธนาคารกรุงไทยน่าจะได้รับชำระหนี้ทั้งจำนวนภายใน ไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อธนาคารโดยนอกจากสามารถลดภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะจะชดเชยภาระกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของ EARTH ซึ่งกรุงไทยได้ตั้งกันสำรองฯเต็มจำนวนไปก่อนหน้าแล้ว
สำหรับ AQ ภายหลังจากวางเงินชดใช้เงินงวดแรกแล้ว จะหลุดจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาทันทีเมื่อจบกระบวนการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ AQ ยังมีสิทธิในการไล่เบี้ยจากจำเลยร่วมที่เหลือได้เช่นจาก นายวิชัย กฤษดาธานนท์ และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ เป็นต้น ทำให้ AQ เปลี่ยนสภาพจากการเป็นลูกหนี้มาเป็นเจ้าหนี้ทันที
AQ ภายหลังชำระหนี้ให้ธนาคารกรุงไทย จะยังเหลือเงินจากการเพิ่มทุนอีกประมาณ 2,000 ล้านบาทโดยสามารถนำไปขยายธุรกิจหรือลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมา AQ ได้รับการชักชวนจากบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON) ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่แสดงความสนใจอย่างจริงจังที่จะเข้าร่วมประมูลซื้อที่ดิน 4,323 ไร่ดังกล่าว
สำหรับที่ดินหลักประกัน 4,323 ไร่ ตั้งอยู่ถนนบางนา-ตราด กม. 32.5 (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ (มอเตอร์เวย์) ตั้งอยู่บนพื้นที่สีม่วง สำหรับพัฒนานิคมอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันถือเป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่สุดในทำเลดังกล่าว มีพื้นที่ติดต่อกัน 2 ฝั่งถนน คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) และถนนบางนา-ตราด
