svasdssvasds

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

คดี "สาดน้ำกรด" เพิ่มขึ้นทั่วโลก ล่าสุดชายกลุ่มหนึ่ง ใช้น้ำกรด ทำร้ายกันในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน แล้วจะรับมืออย่างไร ถ้าผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป คือคุณ ???

รศ.พญ วิภาวี   บูรณพงศ์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กรุณาอธิบายไว้ว่า การรู้จักสารพิษ จะช่วยบรรเทาความหนักเบาของเหตุอาชญากรรมนี้ได้ ซึ่งในชีวิตประจำวัน เราอาจพบเจอได้จากอุบัติเหตุในการทำงาน  อย่างการโดนสารเคมีที่ใช้ในโรงงาน  เช่น โซดาไฟ  โดนน้ำจากแบตเตอรรี่รถยนต์  โดนน้ำยาล้างหรือน้ำยาขัดห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง  ยาฉีดกันยุง ได้รับสารเคมีผงคาร์บอนไดออกไซด์เข้าตาขณะไปช่วยดับเพลิงแล้วถังเกิดระเบิด หรือจากกรณีการโดนทำร้ายร่างกาย  เช่น  ใช้น้ำกรดสาดหน้า  แล้วโดนตาทั้ง 2 ข้าง หรือโดนก๊าซน้ำตา ซึ่งสารเคมีโดยทั่วไปมี  2 ชนิด คือ กรด และ ด่าง

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

โดยทั่วไป ด่าง มีความรุนแรงมากกว่ากรด  สามารถทำลายเปลือกตา เยื่อบุตา ผิวนอกของกระจกตา และยังสามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปทำลายดวงตา  และส่วนต่างๆ ภายในดวงตาได้ เช่น ทำให้เกิดม่านตาอักเสบ ต้อกระจก และต้อหิน  ส่วน กรด การทำลายมักจะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณผิวชั้นนอกของลูกตา เปลือกตา เยื่อบุตา ผิวกระจกตา เนื่องจากคุณสมบัติของกรด เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อแล้ว ทำให้โปรตีนแข็งตัวรวมกัน เป็นเหมือนผนังกั้นไม่ให้กรดนั้น ซึมผ่านเข้าไปในลูกตาได้อีก เพราะฉะนั้น การทำลายที่เกิดขึ้นจากกรด มักจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณชั้นผิวตื้นๆ เท่านั้น

อีกทั้งระยะเวลาที่สารเคมีสัมผัสดวงตา หรือส่วนต่างๆ ภายในดวงตา ถ้าสัมผัสอยู่นาน ก็จะมีความเสียหายของดวงตามาก ถ้าความเสียหายของตาไม่รุนแรง สามารถหายเป็นปกติได้ ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที  แต่ถ้าความเสียหายของตารุนแรงมาก จะรักษายาก แม้จะรักษาเต็มที่ ก็อาจสูญเสียดวงตา มีภาวะแทรกซ้อนในตามากจนถึงตาบอดในที่สุด

ดังนั้น เมื่อสารเคมีเข้าตา  จะเกิดอาการต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโดนส่วนใดของดวงตา  หากโดนเปลือกตา เยื่อบุตา กระจกตาดำ ระยะแรกจะบวมแดง ปวดแสบปวดร้อน เคืองตา  น้ำตาไหลมาก และสู้แสงไม่ได้  ถ้าโดนกระจกตาดำ จะทำให้สายตาพร่ามัว เมื่อตรวจตา จะพบการมองเห็นลดลง ในรายที่รุนแรง  กระจกตาดำจะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาว และผิวกระจกตาดำหลุดลอก ในรายที่มีความเสียหายของตามาก จะเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นทำให้เปลือกตาผิดรูปไป เช่นขนตาม้วนเข้าหรือม้วนออก ตาแห้งชนิดรุนแรง เยื่อบุตาติดกับเปลือกตา  ทำให้กรอกตาหรือเปิดเปลือกตาไม่ได้ กระจกตาเป็นฝ้าขาว มีเส้นเลือดเข้ามาในกระจกตา กระจกตาบางลงจนถึงทะลุได้ มีต้อหินและต้อกระจกแทรกซ้อนและตาบอดในที่สุด

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

สิ่งที่ต้องทำทันที คือ การล้างตาด้วยน้ำสะอาดที่อยู่ใกล้มือที่สุด ถ้าหาน้ำอะไรไม่ได้ ให้ใช้น้ำประปาล้างมากๆ  นาน 20–30 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและปริมาณของสารเคมีที่เข้าตา การใช้น้ำล้างมากๆ เพื่อลดหรือละลายความเข้มข้นของสารเคมีที่เข้าตา ถือเป็นการรักษาที่สำคัญมากที่สุดและได้ผลดีที่สุด ทั้งช่วยลดความรุนแรงของสารเคมีที่จะทำลายส่วนต่างๆ ของตา และป้องกันไม่ให้สารแทรกซึมผ่านเข้าไปภายในลูกตา  ส่วนผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ เมื่อโดนสารเคมีเข้าตา หรือโดนก๊าซน้ำตา ต้องรีบถอดคอนแทคเลนส์ออก เนื่องจากคอนแทคเลนส์จะดูดซับสารเคมี หรือก๊าซน้ำตาไว้ในคอนแทคเลนส์ และใต้คอนแทคเลนส์ หลังจากนั้นจึงรีบล้างตา

 

สิ่งที่ไม่ควรทำเลยก็คือ รอพบจักษุแพทย์โดยไม่ล้างตามาก่อน  ซึ่งสารเคมีจะซึมผ่านเข้าตา เกิดการทำลายเยื่อบุตา  กระจกตาและส่วนต่างๆ จนทำให้เกิดความเสียหาย  ยากต่อการรักษาแก้ไข และเมื่อมาพบจักษุแพทย์ แพทย์จะรีบล้างตาให้อีกครั้ง  ซึ่งผู้ป่วยมักจะปวดและเคืองตา จึงมักหยอดยาชาให้ก่อน  แล้วใช้เครื่องมือเล็กๆ ถ่างเปลือกตาไว้ เพื่อให้ล้างได้สะอาด  โดยใช้น้ำเกลือเป็นขวดต่อสายยางจากขวดมาเปิดที่ตา ในรายที่ไม่รุนแรง จะใช้เวลาล้างตาประมาณ 30 นาที หรือใช้น้ำประมาณ 2 ลิตร ถ้ารุนแรง อาจต้องล้างนาน 2–4 ช.ม. หรือใช้น้ำ 8-10 ลิตร

 

ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.พญ วิภาวี   บูรณพงศ์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

นอกจากปกป้องดวงตา ด้วยการรีบหลับตาหรือเบือนหน้าหนี พร้อมหลับตาให้สนิทแล้ว ควรรีบถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนถูกกรดออกให้หมด ใช้เสื้อผ้าส่วนที่ไม่ถูกกรด หรือผ้าแห้งหรือกระดาษแห้งที่หาได้ใกล้มือที่สุด เช็ด ซับ น้ำกรด ทั่วร่างกาย ส่วนที่สัมผัสถูก อย่างเร็วที่สุด ซับจนแห้งที่สุด เท่าที่ยังไม่รู้สึกว่า มีความร้อนเกิดขึ้นมากนัก แต่ถ้ารู้สึกร้อนมาก ต้องรีบข้ามไปขั้นล้างด้วยน้ำจำนวนมาก จากนั้น รีบราดด้วยน้ำจำนวนมาก ให้ทั่วร่างกาย ราดน้ำมากๆ อย่าหยุดชะงักเป็นอันขาด จนละลายกรดจนหมด  ถ้าโดดลงสระน้ำหรือลงโอ่งน้ำทั้งตัวยิ่งดี  ถ้าทำได้ตามนี้ ก็น่าจะไม่เป็นอันตรายใดๆเลย

 

บทลงโทษของการสาดน้ำกรด ในประเทศไทย น้ำกรดเป็นสสารที่มีความร้ายแรงหรือโดนผิวหนัง ย่อมมีผลทำให้ผิวหนังผุพอง  อันเป็นเหตุให้ผิวหนังถูกทำร้าย  และเป็นการยากที่จะทำการรักษาให้หายเป็นปกติคืนดีดังเดิม และหากเขาได้สาดน้ำกรดไปโดนบริเวณหน้า ทำให้เสียโฉม และเป็นอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน  หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน   ซึ่งเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายรับอันตรายสาหัส  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี ตาม ป.อ. มาตรา 297(4),(8)

ตัวบทกฎหมายอ้างอิง  ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 297  ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปีอันตรายสาหัสนั้น คือ (4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว (8) ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน

อาชญากรรมน้ำกรด "เสียโฉม"ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย ..ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเผชิญ จะทำอย่างไร ?

นอกจากนั้น เรายังพบผลสำรวจที่ควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง คือ จากสถิติ มีคดีสาดน้ำกรด เกิดขึ้นในอินเดียราว 1,000 ครั้งต่อปี และ 90% เหยื่อที่ถูกสาดน้ำกรด เป็นผู้หญิง จนตอนนี้ เหยื่ออย่างพวกเธอรวมกลุ่มกันในนาม Make Love Not Scars เพื่อรณรงค์ ควบคุมให้การหาซื้อน้ำกรด ทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม และพวกเธอยังช่วยกันทำคลิป สอนวิธีการแต่งหน้า เพื่ออำพรางรอยแผลจากอาชญากรรมน้ำกรดอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.meekhao.com/news/end-adic-sale

 

ขอบคุณภาพจาก CreativeMOVE

ขอบคุณภาพจาก Hilight Kapook

related