"ทรัมป์" สั่งเครื่องบินมะกันโฉบโสมแดง พร้อมเปิดสงครามกับ "คิม จอง อึน"

เครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐฯ บินใกล้น่านฟ้าเกาหลีเหนือมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา เพื่อแสดงแสนยานุภาพว่า พร้อมกำราบภัยคุกคามทุกเมื่อ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือประกาศต่อหน้าผู้นำทั่วโลกว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำสหรัฐฯเป็นคนเสียสติ

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด พร้อมด้วยเครื่องบินรบอีกลำหนึ่ง ได้ปฏิบัติภารกิจบินเข้าใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ เพื่อแสดงแสนยานุภาพว่า กองทัพสหรัฐฯพร้อมโจมตีและกำราบภัยกคุกคามต่างๆได้ทุกเมื่อ โดยถือเป็นการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินรบบินขึ้นไปทางเหนือของเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีเหนือ ไกลที่สุดเท่าที่กองทัพสหรัฐฯเคยมีมาในศตวรรษนี้

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวโจมตี "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า เป็นผู้นำเสียสติที่ขู่จะเพิ่มโอกาสการปะทะทางทหาร ซึ่งการที่ผู้นำสหรัฐฯ ที่สติไม่ดีเช่นนี้ มีอำนาจเหนือปุ่มกดโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์นั้น เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก มากกว่าภัยคุกคามอื่นๆทั้งหมด พร้อมประกาศว่า เกาหลีเหนืออาจโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกผู้นำสูงสุดคิม จอง อึนของเกาหลีเหนือว่า มนุษย์จรวด หรือ ร็อกเก็ตแมน

หลังจากนั้น นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เข้าหารือแบบทวิภาคีกับนายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงแนวทางการลดความขัดแย้ง และความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

ล่าสุดวานนี้ (23 ก.ย.)ได้เกิดแรงสั่นสะเทือนใกล้กับจุดทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ทำให้หลายฝ่ายรวมถึงจีนวิตกว่า เกาหลีเหนืออาจทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง แต่ภายหลังองค์กรด้านการสังเกตการณ์ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ชี้ว่า เป็นแผ่นดินไหวขนาด 3.5 แมกนิจูด ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นอาฟเตอร์ช็อก หรือแรงสั่นสะเทือนที่เกิดตามมาหลังการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา