ธปท.คุมเข้ม! 5 แบงก์ใหญ่

ธนาคารแห่งประเทศไทย ยกระดับการกำกับตามมาตรฐาน "บาเซิลทรี" โดย ปี2562 ต้องดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมร้อยละ 11.5 จากขั้นต่ำร้อยละ 8.5

ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่ได้ลงในราชราชกิจจานุเบกษาออกเผยแพร่เมื่อวานนี้ ระบุธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา กสิกรไทย และ ไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจอย่างสูง เพราะมีขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ และ มีความเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินและระบบการเงินสูง มีผลิตภัณฑ์การเงินที่ซับซ้อน และเป็นผู้ให้บริการหลักในผลิตภัณฑ์การเงินหรือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จึงจำเป็นต้องดูแลอย่างเข้มงวดมากกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมีเกณฑ์กำกับดูแลตามมาตรฐานบาเซิลทรี (Basel 3) ที่ต้องดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ บีไอเอส ที่สูงขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงเกิดปัญหาทางการเงิน และ ส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

โดยในปี 2562 ธนาคารทุกแห่งโดยเฉพาะทั้ง 5 ธนาคารขนาดใหญ่ จะต้องดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ บีไอเอสเรโช เต็มรูปแบบให้ถึงร้อยละ 11.5 จากเดิมดำรงเงินกองทุนฯขั้นต่ำร้อยละ 8.5 โดยได้รวมการตั้งสำรองเงินทุนกัน ชนเพื่อรองรับความเสียหายหากเกิดวิกฤติ และต้องตั้งสำรองความเสียหายสำหรับธนาคารที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบ

นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้ช่วยกรรม การผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ธนาคารทุกแห่งรับรู้การปฏิบัติตามเกณฑ์บาเซิลทรี ซึ่งได้ทยอยปฏิบัติมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบกับฐานะของธนาคารที่ค่อยๆปรับตัว โดยปีที่แล้ว 5 ธนาคารขนาดใหญ่ตั้งสำรองเงินกองทุนกันชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.625 และเมื่อเทียบความแข็งแกร่งระบบสถาบันการเงินไทยกับประเทศในภูมิภาคถือว่าแข๋งแกร่งอยู่ในระดับต้นๆ

ปัจจุบันขนาดสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบรวมกัน มีมูลค่า 18 ล้านล้านบาท