ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
DSI พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ นำหมายศาล เข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังหนึ่งใน หมู่บ้านอนุสารวิลล่า ต.ป่าแดด อ.เมือง ซึ่งเป็นบ้านของแม่ทีมรายสำคัญของกลุ่มขบวนการแชร์ลูกโซ่หลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปลงทุนซื้อแพ็คเกจคอร์สสัมมนา หรือ หลักสูตรความรู้ทางการเงิน กับบริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด โดยมีนางอำไพ ศิริยพงศกร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน ส่วน นพ.สุนทร ศิริยพงศกร สามีของนางอำไพ ไม่อยู่บ้าน
จากการตรวจค้น พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายการลงทุนแชร์ลูกโซ่ คือ สมุดบัญชีธนาคารหลายเล่ม และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง จึงได้ตรวจยึดหลักฐานทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ และ รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการเอาผิดกับแม่ทีมรายนี้
สำหรับ บริษัท เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด และบริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่โดยการหลอกลวงประชาชนให้นำเงินไปลงทุนในตลาด Forex (การซื้อขายเงินตรา) พร้อมเสนอจ่ายผลตอบแทนการลงทุนในอัตราร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 52 สัปดาห์ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อนำเงินไปลงทุน ต่อมาบริษัทดังกล่าวไดเปิดกิจการลง และนายภูดิษ กิตติธร กรรมการผู้จัดการ บริษัทได้หลบหนีก่อนถูกจับกุมตัวได้ ขณะอยู่ระหว่างควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งมีผู้เสียหายจากการลงทุนแชร์ลูกโซ่ทั่วประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3,500 ล้านบาท เฉพาะภาคเหนือมียอดความเสียหายสูงสุดคือ 2,000 ล้านบาท
ขณะที่นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงิน DSI เผยว่า บุคคลดังกล่าวเป็นแม่สายที่มีการชักชวน ขึ้นบรรยายจนทำให้ประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุน ประกอบการตนเองได้เปอร์เซนต์จากการชักชวนให้มาร่วมลงทุน จึงเป็นหลักฐานสำคัญทำให้ศาลนุมัติหมายค้นเพื่อหาหลักฐานและตรวจสอบทรัพย์สิน โดยแม่ทีมรายนี้มีลูกค้าที่ร่วมลงทุนด้วยกว่า 150 ราย
ทั้งนี้นอกจากดีเอสไอจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือ คดีแชร์ลูกโซ่แล้ว ยังจะดำเนินการตามกฏหมายฟอกเงินกับแม่ทีมแต่ละรายด้วย โดยคาดว่าดีเอสไอจะเร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอสำนวนต่ออัยการฝ่ายคดีพิเศษภายในปลายเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อนส่งสำนวนด้วย
ขณะที่นางอำไพ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่มีเจตนาจะหลอกลวงคนมาลงทุน ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตนเองก็สูญเงินที่ลงทุนร่วมกับบริษัทดังกล่าวไปกว่า 11 ล้านบาท โดยได้เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2558 ช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนตามที่บริษัทกล่าวอ้าง กระทั่งช่วงกลางปี 2559 ก็เริ่มไม่ได้ผลตอบแทน