ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน : ที่ดินอัลไพน์ จูงมือกันไปนรก

ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน

โดย...สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

ที่ดินอัลไพน์จูงมือกันไปนรก

จากไตรภูมิกถา กล่าวไว้ว่า “นรก” มี 8 ขุมใหญ่ ขุมที่ 1 ชื่อสัญชีวมหานรก ใคร “โกงที่ดินวัด” ตกนรกขุมนี้เป็นเวลา 4,500 ล้านปี ตัวเลขไม่ผิดครับ สี่พันห้าร้อยล้านปี

ใครบ้างนะจะจูงมือกันไปนรกจากกรณี “โกงที่ดินวัดธรรมิการามวรวิหาร” มาทำสนามกอล์ฟและบ้านจัดสรร!!!

ต้องย้อนกลับไปดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง???

พระราชเมธาภรณ์ (จรัส สุมงคโล เอี่ยมสุวรรณ) เจ้าอาวาส องค์ที่ 4 ซึ่งปกครองดูแลวัดระหว่างปี 2522-2541 คือผู้คิดจะขายโดยอ้างว่าจะเอาเงินมาบำรุงวัด

จึงได้ทำการประชุมสงฆ์ ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 18 รูปนี้ เห็นด้วย 14 รูป ไม่เห็นด้วย 4 รูป

รวมทั้งผู้จัดการมรดกในขณะนั้นด้วยที่คัดค้าน ได้แก่ นายพจน์ สุนทราชุน นายหงส์ สุวรรณหิรัญ และ น.พ.วิรัช มรรคดวงแก้ว

จะตั้งใจหรือบังเอิญก็ตามทีปรากฏว่า

ปี 2533 ในรัฐบาลของ “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” มี “พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และมี “นายเสนาะ เทียนทอง” เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ คุมกรมที่ดิน

ในเวลานั้นมีการตั้งเรื่องจะโอนที่ดินที่ คุณเนื่อม ชำนาญชาติศักดา และ นายพันโทพระชำนาญชาติศักดา ให้เป็นชื่อวัดธรรมิการามวรวิหาร ปรากฏว่ากฎหมายระบุไว้ว่าถ้าที่เกิน 50 ไร่ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายเสนาะ เทียนทอง จะรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือมารู้เอาตอนนั้นก็ไม่สามารถทราบได้ แต่ได้ใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการ “ไม่อนุมัติการโอน” ดังกล่าว

แต่แม้จะไม่มีการโอนก็อย่าลืมว่าทางกฎหมายที่ดินดังกล่าวนั้น ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นของวัดธรรมิการามฯแล้ว

            
            
        เสนาะ เทียนทอง

เจ้าอาวาสในฐานะผู้รับผิดชอบวัดตามกฎหมายก็เลยยื่นเรื่องต่อศาลให้มีการเปลี่ยนผู้จัดการมรดก จากกลุ่มที่คัดค้าน เป็น “มูลนิธิมหามงกุฏราชวิทยาลัย” และได้ใช้ฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของตนเองในวันที่ 21 สิงหาคม 2533

และในวันเดียวกันก็โอนขายให้แก่ บริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟแอนด์สปอร์ต คลับฯ ในราคา 142 ล้านบาท และในบริษัททั้ง 2 แห่งมี นางอุไรวรรณ เทียนทอง ถือหุ้นอยู่ 3 แสนหุ้น มูลค่า 30 ล้านบาท, นายวิทยา เทียนทอง ถือหุ้นอยู่ 1.5 แสนหุ้น มูลค่า 15 ล้านบาท, นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ถือหุ้น 1.5 แสนหุ้น และในวันเดียวกันก็เอาที่ดินไปจำนองได้ 220 ล้านบาท

นั่นไง!!!ชัดมั้ยว่าที่ทำกันมานั้น เจตนาคืออะไร?

ที่สำคัญตามกฎหมายไม่สามารถจดทะเบียนโอนได้ เพราะเนื่องจากตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 การโอนที่ธรณีสงฆ์จะต้องกระทำโดย พ.ร.บ. จะจดทะเบียนทำนิติกรรมการโอนให้แก่กันเหมือนที่ดินทั่วไปไม่ได้

ทักษิณ ชินวัตร

จากนั้นเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ตั้ง “พรรคไทยรักไทย” เพราะจะชวนนายเสนาะ เข้าร่วมพรรคด้วย หรือจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจก็ตาม ก็ได้กิจการ “อัลไพน์” มาครอบครอง!!!

ต่อมา “ทักษิณ ชินวัตร” นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มันพอดี กับที่กรมที่ดินซึ่งมีอธิบดีชื่อ “ประวิทย์ สีหโสภณ” ยึดถือเอาคำวินิจฉัยของกฤษฎีกาสั่งเพิกถอนนิติกรรมที่ดินผืนดังกล่าว พวกลูกบ้าน “อัลไพน์” จึงร้องไปที่กระทรวงมหาดไทย

“ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” รองปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นรักษาการแทนปลัด รับคำอุทธรณ์ยกเลิกคำเพิกถอนของกรมที่ดิน!!!!!

จนนำมาสู่คำพิพากษาจำคุก!!!!

สวรรค์มีตาคำพิพากษาจำคุกออกมาพร้อมๆ กับความพยายามจะออก พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้ถูกต้องย้อนหลังไปวันที่ 21 สิงหาคม 2533 โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาฯและกระทรวงมหาดไทย

ซึ่งเท่ากับเป็นการปล้นธรณีสงฆ์รอบ 2 พร้อมฟอกผิดให้กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย!!

พ้นผิดกฎหมายอาจจะพอทำได้ แต่บาปกรรมนั้นไม่มีทางเลี่ยงแน่นอน หวังว่า “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” จะไม่กระโจนลงโคลนตมแห่งบาปด้วย!!

คอลัมน์ : ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน / หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3294 ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย.2560