svasdssvasds

ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน : “พานทองแท้”ออกโรง เดินตามรอยพ่อ-อาหรืออย่างไร?

ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน : “พานทองแท้”ออกโรง เดินตามรอยพ่อ-อาหรืออย่างไร?

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

 

 

 

ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน

โดย...สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

“พานทองแท้”ออกโรง เดินตามรอยพ่อ-อาหรืออย่างไร?

"ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือในนามของกระบวนการยุติธรรม"

เป็นคำกล่าวของ มองเตสกีเออร์ ที่คุณพ่อผมเพิ่งนำมาทวิตไปเมื่อวันก่อนครับ

ในช่วงเวลาที่คุณพ่อทวิตนั้น ปรากฏว่ามี "เอกสารหลุด" จากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวฯ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ได้สั่งการในที่ประชุมว่า ให้เร่งดำเนินการส่งฟ้องเรื่องจำนำข้าว โดยไม่ต้องคำนึงถึงกระบวนการยุติธรรม โดยให้เร่งดำเนินการ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับผิดชอบทั้ง 3 หน่วยงาน จะต้องมีความผิด"

นี่เป็นเนื้อหาท่อนแรกที่ "พานทองแท้" โพสต์ในเฟซบุ๊คของตัวเองเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ต้องการกลั่นแกล้งคนในครอบครัวตัวเองโดยไม่คำนึงถึงกระบวนการยุติธรรม!!!

แต่ข้อเท็จจริง "พานทองแท้" ต้องรู้ก็คือ

คดีของ "อาปู" นั้นมีอยู่ทั้งทาง "อาญา" ที่ทำให้ต้องหนีไป กับอีกคดีก็คือ การออกคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐและระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่งในการเรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวก

“คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” ของกระทรวงการ คลัง ที่มี นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ ได้มติที่ให้เรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเงินทั้งสิ้น 35,717 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าความเสียหาย 178,586 ล้านบาท”

มันเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ "พล.อ.ประยุทธ์" จึงต้องกำชับเจ้าหน้าที่ว่าถ้าไม่ทำก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ไม่ใช่จะไปบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่รู้ว่า "พานทองแท้" ไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งไม่เข้าใจ

ส่วนอีกประเด็นเกี่ยวข้องกับ "นายพานทองแท้" โดยตรง ซึ่งได้โพสต์ว่า "ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ขณะนี้ได้มีเอกสารหลุดอีกฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของตัวผม โดยตรง ซึ่งเป็นของอดีตรองอธิบดีดีเอสไอ ที่ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ว่าได้รับคำสั่งให้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีกับพานทองแท้ ทั้งๆ ที่ตนเองได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ผู้สั่งการทราบแล้วว่า ธุรกรรมของนายพานทองแท้นั้น ไม่ได้มีส่วนใดที่ผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถ แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีได้ เป็นเหตุให้ตนเองต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง รองอธิบดีฯ ไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกรัฐมนตรี"

ประเด็นนี้เปิดขึ้นมาก็เพื่อให้เห็นว่าตัวเองก็ถูกกลั่นแกล้ง!!....

แต่ข้อเท็จจริงคือ?....

มันมีประเด็นที่ "นายพานทองแท้" เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีแบงก์กรุงไทยที่ติดคุกกันไปแล้วเป็นระนาว โดยมีหลักฐานว่า "นายพานทองแท้" รับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ (บุตรนายวิชัย) กรณีชำระค่าหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด ที่ระบุว่าจะจ่ายผ่านนายวันชัย แต่ไม่ทัน จึงให้จ่ายโดยตรงผ่านนางเกศินี และนางเกศินี โอนเงินเข้าบัญชีนายพานทองแท้ จำนวน 1.8 ล้านบาท และกรณีร่วมลงทุนกับนายรัชฎา จำนวน 10 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทของ "นายพานทองแท้" คือบริษัท ฮาวคัม จำกัด และ บริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่นายรัชฎา นำเงินที่ได้จากสินเชื่อที่บริษัท โกลเด้นฯ ได้รับจากธนาคารกรุงไทย ไปซื้อหุ้นจองของบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ 4.2 แสนหุ้น และนำมาเสนอขายแก่พนักงานของบริษัท ฮาวคัมฯ และบริษัท มาสเตอร์โฟนฯ

นี่เป็นหลักฐานที่ปรากฏขึ้นในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ถ้า"นายพานทองแท้"ไม่ผิดจะไปกลัวอะไร????

ใครแกล้งก็ฟ้องกลับให้ติดคุกหัวโตไปเลยเหมือนที่ "นายอภิสิทธิ์" และ"นายสุเทพ" ฟ้องนายธาริต ที่แกล้งดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม!

ไม่ต้องมาตีสำนวนฝีปากที่ให้ดูเหมือนว่าปากกล้าขาไม่สั่น สร้างกระแสให้กองเชียร์คึกคัก แล้วสุดท้ายก็เดินตามรอยพ่อและอา!

คอลัมน์ : ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน/ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3296 ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ย.2560

related