ฉุดไม่อยู่! ยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง หลังรัฐปรับภาษี "บุหรี่-สุรา"

ยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัฐได้ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตร ทำให้ราคาบุหรี่ปรับสูงขึ้น จนทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ อิเลคโทรนิคส์ กันมากขึ้น

จากการสำรวจของทีมข่าวสปริงนิวส์ ที่ย่านคลองถม พบว่า ยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจาก การประกาศใช้ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งมีการปรับขึ้นเพดานอัตราภาษีสุราและบุหรี่ใหม่โดยมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา

ทีมข่าวสปริงนิวส์พบว่า มีการวางขายบุหรี่ไฟฟ้า กันเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการรายหนึ่งเปิดเผยว่า เนื่องจากราคาบุหรี่แพงขึ้น ส่งผลให้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ หรือบุหรี่ไฟฟ้า ขายดีมากขึ้น จากในช่วงเวลาปกติยอดขายอยู่ที่วันละประมาณ 1 หมื่นบาท แต่ในขณะนี้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเป็นกว่า 2หมื่นบาทแล้ว โดยบุหรี่ไฟฟ้ากลิ่นผลไม้ได้รับความนิยมจากนักสูบมากที่สุด

ขณะที่ทางด้านผู้บริโภครายหนึ่ง บอกว่าเจ้าตัว หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากว่าให้ความรู้สึกคล้ายสูบบุหรี่ธรรมดา และคุ้มค่าด้านราคาประหยัดกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา ซึ่งหากสูบวันละซอง จะต้องจ่ายร้อยกว่าบาทต่อวัน แต่บุหรี่ไฟฟ้าจ่ายเริ่มต้นเพียงหลังพันบาทเท่านั้น และเติมน้ำยาครั้งละประมาณ 2ร้อยบาทก็อาจอยู่ได้เป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน. อีกทั้งมีความเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย ช่วยให้สามารถช่วยลดการสูบบุหรี่ธรรมดาได้

ทั้งนี้ ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายยุโรปและสหรัฐฯ แต่สำหรับประเทศไทย ยังถือเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยซึ่งห้ามนําเข้าและจําหน่าย โดยผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับและหากผู้ขายหรือให้บริการเป็นผู้ผลิต ผู้สั่งนําเข้ามาขาย ต้องรับโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ทว่าก็ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย และสามารถหาซื้อได้อย่างแพร่หลายรวมถึงการซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตด้วย

ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนกลุ่มลาขาดควันยาสูบ และแอดมินเฟซบุ๊กเพจ”บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร”กล่าวถึง กรณีที่คณะแพทยศาสตร์ 3 สถาบัน ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รามาธิบดี และศิริราชฯ ได้จัดการประชุมวิชาการเรื่อง”งานวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์” ซึ่งมีการกล่าวถึงนวัตกรรมใหม่ๆของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า เจ้าตัวขอชื่นชมที่ทั้ง 3 สถาบันการแพทย์ที่ให้ความสำคัญและเปิดรับฟังผลงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศ ที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าควรได้รับการสนับสนุนให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้สูบบุหรี่ เพราะมีความปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนถึง 95% และไม่พบรายงานสรุปว่าเป็นตัวดึงดูดให้เด็กหรือผู้ไม่สูบบุหรี่หันมาสูบบุหรี่

นายมาริษ กล่าวต่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยถือเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้า แต่ก็มีมูลค่าการซื้อขายใต้ดินกว่า 6 พันล้านบาทและมีผู้ใช้อยู่ราว 3 แสนคนทั้งที่ใช้เพื่อต้องการเลิกบุหรี่