สนช.ถก กม.ลูก สตง.เปิดทางตรวจสอบ ป.ป.ช.

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาร่างกฎหมายลูกการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดทางให้ผู้ว่า สตง.ตรวจสอบการทุจริตของเจ้าที่ ป.ป.ช.ได้ เพื่อถ่วงดุลอำนาจ แต่วางกลไก ห้ามก้าวล่วงการไต่สวนสำนวนคดี ของ ป.ป.ช.

วันที่ 19 ต.ค.60---ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.วันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ในวาระ 2 และ 3 หลังกรรมาธิการปรับแก้ไขแล้ว โดยมีผู้สงวนคำแปรญัตติ 22 มาตรา 28 ประเด็น

โดยสาระสำคัญของร่าง จะมีความชัดเจนในขอบเขตงาน ของผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ คตง.มากขึ้นว่าแต่ละฝ่ายทำหน้าที่อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะเบาะแวงเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ส่วนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็จะต้องทำงานรองรับทั้ง สตง.และ คตง.ด้วย

ส่วนประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงกันมากอยู่ในมาตรา 7 วรรคสาม เกี่ยวกับอำนาจผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. ซึ่งกรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอให้ตัดวรรคสามทิ้ง เพราะนอกจากจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจของ ป.ป.ช.แล้ว ยังจะไม่ปลอดภัยต่อสำนวนที่ ป.ป.ช.กำลังดำเนินการ ซึ่งถือว่าเป็นความลับ พร้อมยืนยันว่าการตัดวรรคสามออกไม่กระทบกับการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.มีกลไกตรวจสอบอยู่แล้ว หากกระทำผิดต่อหน้าที่ ก็สามารถส่งเรื่องให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบดำเนินการเอาผิดได้

ขณะที่ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยซึ่ง เป็น กรธ.ก็ยืนยันว่า ต้องมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุล ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะที่ผ่านมา การทำงานของเจ้าหน้า ป.ป.ช.ไม่มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเลย พร้อมยอมรับว่าการให้ สตง.เข้าไปตรวจสอบอาจขัดต่ออำนาจของ ป.ป.ช.ที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ จึงกำหนดว่า เมื่อพบการทุจริตต่อหน้าที่ ให้ไต่สวนเบื้องต้น จากนั้นส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ

เรื่องนี้ สมาชิก สนช.เข้าใจเหตุผลทั้งกรรมาธิการเสียงข้างน้อยและกรรมาธิการเสียงข้างมาก จึงพยายามหาทางออกร่วมกัน ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่ายมีการหารือกัน และยอมที่จะปรับถ้อยคำใน วรรค 3 ป้องกันเรื่องการเข้าไปก้าวล่วงในสำนวนของ ป.ป.ช.