svasdssvasds

ทางออกนอกตำรา : เชือดขาใหญ่ซามูไรกรุ๊ปลีส เลือดสาดอาบกระดานหุ้น

ทางออกนอกตำรา : เชือดขาใหญ่ซามูไรกรุ๊ปลีส เลือดสาดอาบกระดานหุ้น

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

1508326868808

เรียกเสียงซู้ดปากกันสนั่นห้องค้ายันรัชดาภิเษก เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาลงดาบด้วยการกล่าวโทษ มิทซึจิ โคโนชิตะ อดีตนักกีฬาเทนนิสอาชีพชาวญี่ปุ่น ที่เป็นประธานกรรมการ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาทุจริต เบียดบังทรัพย์สินของบริษัท และทำบัญชีไม่ถูกต้อง

ในคำฟ้องของ ก.ล.ต.ระบุว่า บริษัท GL ทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทสูงเกินความจริง

ผลของการกล่าวโทษต่อดีเอสไอ ทำให้ มิทซึจิ เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น

1508327393138 ก.ล.ต.ระบุว่า ในงบการเงินงวดปี 2559 ของบริษัท GL ที่ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับธุรกรรมการให้กู้ยืมแก่ลูกหนี้ในต่างประเทศ ส่งผลให้ผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้น

เมื่อ ก.ล.ต.ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า มิทซึจิให้ บริษัท กรุ๊ปลีสโฮลดิ้งส์ จำกัด (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่ประเทศสิงคโปร์ ปล่อยกู้แก่บริษัทในต่างประเทศหลายแห่ง

นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่า GLH ให้กู้แก่บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไซปรัส 4 แห่ง และสิงคโปร์ 1 แห่ง เป็นเงินให้กู้รวม 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมิทซึจิ เป็นผู้ควบคุมและเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง

เมื่อบริษัททั้ง 5 แห่งได้รับเงินกู้จาก GLH ไปแล้ว ได้นำไปหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทผู้กู้เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยและเงินต้นคืนแก่ GLH เป็นงวดๆ ซึ่งยอดดอกเบี้ยที่จ่าย ถูกนำไปรวมเป็นรายได้ในงบการเงินของ GL จึงถือเป็นการแต่งบัญชีและสร้างผลประกอบการของ GL ให้สูงเกินจริง

พฤติกรรมและการกระทำของมิทซึจิ จึงเป็นการทำธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้ลงข้อความเท็จในบัญชี และทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง เข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 307, 308, 311, 312, 313 และมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับเป็นเงิน 2 เท่าของราคาทรัพย์สิน หรือประโยชน์ที่บุคคลดังกล่าวได้กระทำการฝ่าฝืนมาตรานั้นๆ แล้วแต่กรณี

นี่อาจจะเป็นดาบแรกของ ก.ล.ต.ที่กระโดดออกมาฟันผู้บริหารเพื่อปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้าซื้อขายหุ้น GL ที่มีการเล่นราคากันตั้งแต่หุ้นละ 5 บาท ไล่ไปจนถึง 130 บาท ก่อนร่วงลงมายืนโชว์พลังที่ 67-69 บาท บางครั้งบางครานึกสนุกก็เหวี่ยงนักลงทุน 1.8 หมื่นคนให้หัวทิ่มหัวตำตีลังกาลงมาที่หุบเหวเหลือหุ้นละ 4-5 บาท จากการกระโดดเข้าไปเล่นกับไฟ โดยมี “เสี่ยขาใหญ่”และ “กองทุนซามูไรที่ไร้ที่มาที่ไป” แต่ต้องการสำแดงเงินสดผ่านการซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นผู้จุดพลุในการลากจูงหุ้นมูลค่าการซื้อขายกันวันละ 5 พันล้าน วันละหมื่นล้านบาท

คุณแทบไม่เชื่อว่า บริษัทกรุ๊ปลีสฯที่ไม่ว่าเดินทางไปที่ใดก็ไม่เห็นสาขา เอาต์เลตของ GL แต่กลับมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงลิ่ว 51,863 ล้านบาท สูงกว่ามาร์เก็ตแคปของ TCAP ยักษ์ใหญ่เช่าซื้อรถยนต์ในเมืองไทยที่มีแค่ 43,765 ล้านบาท ใหญ่กว่า KKP ที่มีมาร์เก็ตแคปแค่ 35,775 ล้านบาท และสูงกว่า TISCO ที่มีมาร์เก็ตแคป 36,029 ล้านบาท

การสร้าง “สตอรีของ GL” นั้นถือว่าโดนใจขายหุ้นที่เล่นกับไฟ เพียงแค่ 2 ปี ราคาหุ้นของ GL ทะยานติดปีกจาก 5 บาท เป็น 69 บาท ผลตอบแทนสูงลิ่ว 8,000% ทั้งๆ ที่มีทุนจดทะเบียน 700-800 ล้านบาทเท่านั้น แต่สามารถกำไรสุทธิขยับจาก 107 ล้านบาท เป็น 1,062 ล้านบาท ยั่วนํ้าลายแมลงเม่าที่ชอบลุยไฟ

แต่แล้ว “มิทซึจิ& Co” ก็ทำ GL ฝีแตก เมื่อผู้สอบบัญชีได้ตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทได้มีการให้กู้ยืมผ่านบริษัท Group Lease Holdings ให้กับบริษัทในไซปรัส และสิงคโปร์ 3,400 ล้านบาท ด้วยดอกเบี้ยเฉลี่ย 17% ต่อปี โดยผู้กู้ได้นำหุ้น GL และสินทรัพย์ในต่างประเทศมาเป็นหลักทรัพย์คํ้าประกัน นักลงทุนเริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเงินกู้ก้อนนี้ เพราะมีการเกี่ยวพันยุบยับไปหมด

หุ้นที่ไม่ปรากฏเจ้ามือที่ชัดเจน แต่กลับมีการลากขึ้นลงไวยังกับปรอท จาก 19  บาท ขึ้นไป 69 บาท มีสตอรีหลายอย่างชวนให้กังขา และมีการเล่นกับเงินที่หวือหวาอย่างยิ่ง ก่อนจะทิ้งลูกดิ่งลงมา 60-70% ให้รายย่อยหัวใจวายไปหลายคน

ต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 คณะกรรมการมีมติซื้อหุ้นบริษัทในต่างประเทศ 2 แห่ง ใช้เงินลงทุนเกือบ 2,000 ล้านบาท และออกหุ้นกู้แปลงสภาพ

700 ล้านบาท ปรากฏว่าบริษัทที่ปรึกษาการเงินอิสระ ไม่เห็นด้วยกับการทำรายการของฝ่ายบริหารที่มีความเสี่ยง และราคาหุ้น 2 บริษัทที่จะเข้าไปซื้อก็สูง

กว่าราคาประเมิน ตอนนั้นเองที่ ก.ล.ต.สั่งให้ใช้สปอตไลต์ส่องแบบไม่กะพริบตา แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ลงมติอนุมัติการซื้อทรัพย์สินและออกหุ้นกู้แปลงสภาพ

ราคาหุ้น GL ที่เคยร่วงถูกลากขึ้นมาใหม่ไต่จาก 40 บาท ขึ้นมายืนเหนือ 60 บาท รวยกันถ้วนหน้า

กระทั่งช่วงตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นมาเกิดแรงขายไหลทะลักออกมาเป็นระลอก หนักสุดในห้วงวันศุกร์ที่ 3 มีนาคมยาวต่อเนื่องวันพุธ

ที่ 8 มีนาคม ถือเป็นวันมหาวิปโยคโศกเศร้าของผู้ถือหุ้น เปิดการซื้อขายปุ๊บถูกทุบทันที ราคาร่วงวูบจาก 48-49 บาท เหลือ 35 บาท ซื้อขายกันสนั่นทุ่ง 10,800 ล้านบาท ด้วยปริมาณหุ้นที่หนาตาถึง 18% ของทุนจดทะเบียน ตอนนั้นมีคำถามว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนไหนเทขายจนบัดนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่มีคนตายกันเป็นเบือ…

หลังจากนั้นเป็นต้นมา พฤติกรรมราคาหุ้น GL และตัวผู้บริหารในหลายกรณีก็ถูกตั้งข้อสงสัยในความไม่โปร่งใส และหุ้น GL กลายเป็นหุ้นอันตรายที่เข้าไปปุ๊บถึงตายได้ปั๊บ...สลับฟันปลา27-25-20 บาท

และวันนี้ GL ก็มาถึงทางออกที่ก.ล.ต.ลงดาบบังคับให้เปลี่ยนตัวผู้เล่นใหม่...หุ้น GL ที่เคยไต่บันไดลวดคงมีคนเจ็บปวดอีกหลายพันล้านบาท...โดยที่ “ตลาดหุ้น และ ก.ล.ต.” ไม่สามารถควานหาตัวการมาเยียวยารายย่อยที่กระโจนเข้าสู่กองไฟในสตอรีที่ “ซามูไร GL” สร้างขึ้นมาได้เลย...

คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา/ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3306 ระหว่างวันที่19-21 ต.ค.2560

related