ฐานโซไซตี : บ่วงกรรม "ทอท.-คิงเพาเวอร์"

นับเป็น “บ่วงกรรม” ของเจ้าหน้าที่และผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กับ กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ 3 บริษัท ซึ่งมี วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นเจ้าของ เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งรับคดีหมายเลขดำที่ อท.352/2560 ที่ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริตคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้ใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ถือหุ้นทอท.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการทอท. และพวก รวม 14 คน

โดยมีเอกชนกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ 3 บริษัท และกรรมการผู้มีอำนาจอีก 4 ราย รวมเป็นจำเลย 18 ราย ไว้พิจารณาไต่สวนมูลฟ้อง ด้วยข้อกล่าวหาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ทอท. เอกชนกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ และกรรมการผู้มีอำนาจ ร่วมกระทำผิดกฎหมายและข้อสัญญาที่ก่อหรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่สัญญาระบุไว้

คดีนี้ ศาลเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตามมาตรา 15 แห่งพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 นัดคู่ความให้มาศาลเพื่อรวบรวมพยานเอกสาร หลักฐาน บัญชีพยานบุคคล วันที่ 16 มกราคม 2561 และนัดตรวจสอบพยานหลักฐานวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งแหล่งข่าวในวงการทนายความคาดว่า ศาลฯ น่าจะนัดไต่สวนนัดแรกได้ภายในเดือน “มีนาคม” ปีหน้า

สำหรับคดีนี้ ที่ ชาญชัย ยื่นฟ้อง ทอท.และกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ถือเป็นสำนวนแรกใน 5 สำนวน เพราะตรวจสอบพบว่าร่วมกันกระทำผิดข้อสัญญาที่ก่อหรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่สัญญาระบุไว้ จากการที่สัญญาระหว่าง ทอท.กับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ให้เก็บรายได้เข้ารัฐ 15% จากยอดการขายสินค้าหรือบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่คณะกรรมการอนุมัติให้เก็บเพียง 3% ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐมูลค่ากว่า 14,290 ล้านบาท จึงร้องขอให้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ลงโทษผู้กระทำความผิด และริบเงินให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของมาตรา 15 แห่งพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ที่ศาลฯ รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแสดงให้เห็นว่าคดีนี้ผู้ฟ้องมีการระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดพร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานให้ศาลฯ ได้เห็นอย่างชัดเจน และมีนํ้าหนักเพียงพอ ศาลฯ จึงรับคดีไว้ดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาต่อไป

สำหรับบุคคลที่ชาญชัยยื่นฟ้องและ “ฐานเศรษฐกิจ” เคยเสนอข่าวมาก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นคณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ทอท.ประกอบด้วย 1.ประสงค์ พูนธเนศ ประธานบอร์ด 2.นิรันดร์ ธีรนาทสิน 3.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ 4.ราฆพ ศรีศุภอรรถ 5.นันทศักดิ์ พูลสุข 6.น.ต.ประจักษ์ สัจจโสภณ 7.พล.อ.ท.จอม รุ่งสว่าง 8.วราห์ ทองประสิทธุ์ 9.พล.อ.ท.ประกิต ศกุณสิงห์ 10.มานิต นิธิประทีป 11.ธานินท์ ผะเอม 12.ธวัชชัย อรัญญิก

13.ระวีวรรณ เนตระคเวสนะ และ 14.นิตินัย ศิริสมรรถการ ผอ.ทอท. ส่วนกลุ่มบริษัทเอกชน ประกอบด้วย 15.บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 16.บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 17.บริษัท คิงเพาเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ 18.สมบัตร เดชาพานิชกุล ตัวการร่วมกระทำความผิด

เมื่อส่องดูบัญชีพยานโจทก์ ที่ ชาญชัย เคยยื่นต่อศาลฯ ได้ระบุพยานเอกสารไว้ร่วม 50 ฉบับ และพยานบุคคล 33 ปาก ในจำนวนนี้มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ในลำดับที่ 2 ด้วย

คดีนี้ “สื่อไทย” อาจไม่ให้ความสนใจในการนำเสนอข่าวเชิงค้นหาข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่ อาจจะด้วย “เหตุผลกลใด” ก็ไม่ทราบได้ แต่ “ฐานเศรษฐกิจ” เกาะติดและนำเสนอข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง และจะทำหน้าที่ในฐานะ “สุนัขเฝ้าบ้าน” คอยปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไปอย่างแข็งขัน

เพราะจากข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมาและตรวจสอบดูแล้ว เราไม่สามารถนิ่งดูดายที่จะไม่ตีแผ่และเปิดโปงพฤติกรรมของ “เจ้าหน้าที่รัฐ” และ “เอกชน” ที่ถูกกล่าวหาร่วมกระทำผิดและเอาเปรียบประเทศชาติได้

คดี “ทอท.” เอื้อ “คิงเพาเวอร์” จะจบลงอย่างไร จะมีใคร “ติดคุก” หรือต้องถูก “ริบทรัพย์สิน” หรือไม่ ปี 2561 คงได้รู้กัน...

..........................

คอลัมน์ : ฐานโซไซตี/ หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3315 ระหว่างวันที่19-22 พ.ย.2560