รับบริจาคเบี้ยยังชีพ เข้ากองทุนคนชรา ชงคนใจบุญอุ้มผู้สูงวัย รับเหรียญเชิดชูเกียรติ “พระคลัง”

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุมแนวทางการดำเนินมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ 10.8 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ได้ลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 3.6 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได เป็นรายเดือน คือ ตั้งแต่ 600 บาท – 1,000 บาท   แต่ยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ  รัฐบาลได้ตระหนักในเรื่องดังกล่าว จึงมีมติให้เสนอโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้าสู่กองทุนผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุผู้มีรายได้น้อย และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.)  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนงานเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับประโยชน์สูงสุด

สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เห็นชอบโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ สำหรับเป็นเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการ แห่งรัฐจำนวน 3.6 ล้านคน เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเงินบริจาคดังกล่าว มาจาก 2 ทาง ได้แก่

1.จากเงินร้อยละ 2 ของภาษีสรรพสามิตในส่วนของสินค้าสุราและยาสูบ ไม่เกิน 4,000 ล้านบาทต่อปี

2.จากเงินบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ  ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและประสงค์ที่จะบริจาคเบี้ยยังชีพของตนให้กับผู้สูงอายุผู้มีรายได้น้อย และการรับเงินบริจาคจะมีผลในเดือนถัดไปจากเดือนที่แจ้งความประสงค์ ไปจนกว่าจะแจ้งยกเลิกการบริจาคกับหน่วยงานรับแจ้งตามภูมิลำเนา  (ดำเนินการด้วยตนเองหรือมอบอำนาจ)

ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า จะมีผู้บริจาคประมาณ 500,000 คน โดยผู้สูงอายุที่จะบริจาคสามารถแจ้งความประสงค์ ได้ที่หน่วยงานต่างๆ ดังนี้

1.กรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานเขต ทั้ง 50 แห่ง

2.ต่างจังหวัด ณ เทศบาล / อบต. ที่ลงทะเบียน

ส่วนผู้สูงอายุที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดแต่พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร แจ้งความประสงค์ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กทม.)  ตั้งแต่วันที่ 1  ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป

“การประชุมครั้งนี้ได้มีการเสนอหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการจัดสรรเงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเบื้องต้น ได้เสนอให้ผู้ที่บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิ์ได้รับเหรียญ เชิดชูเกียรติผู้บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ(เหรียญพระคลัง) ทั้งนี้ จะมีการนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติในวันที่ 22 พฤศจิกายน นี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานต่อไป”