โลกยามค่ำคืนงดงามไปด้วยแสงไฟ แต่รู้หรือไม่? แสงไฟเหล่านี้กำลังเป็นมลพิษ

ผลการศึกษาจากภาพถ่ายโลกในยามค่ำคืนชี้ว่า แสงสว่างจากหลอดไฟกำลังเพิ่มขึ้นและครอบคลุมบริเวณกว้างขึ้น 2% ต่อปีทุกปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ความสว่างจากหลอดไฟที่ทำให้ความมืดในช่วงกลางคืนหายไปแม้ว่าจะสวยงามแต่มันกำลังสร้างมลภาวะ ส่งผลเสียต่อ พืช สัตว์ และมนุษย์เองด้วย

ข้อมูลที่ได้รับจากเครื่องวัดรังสีที่ติดตั้งอยู่บนดาวเทียมของนาซ่า ที่ใช้วัดค่าแสงสว่างในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ ประเทศที่ส่องสว่างเป็นอันดับต้นๆของโลกอยู่แล้วอย่างสหรัฐฯ ยังคงสว่างไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนประเทศในอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียมีแสงสว่างเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีเพียงไม่กี่ประเทศที่มืดลงกว่าเดิมเช่น เยเมน และซีเรีย ทั้งนี้เพราะทั้งสองประเทศอยู่ในภาวะสงคราม

แสงไฟเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เพราะแสงจากหลอดไฟเป็นภัยต่อการผสมเกสรของพืช ทำให้แมลงที่หากินในเวลากลางคืนผสมเกสรน้อยลง ต้นไม้ในบริเวณที่มีไฟส่องสว่างจะออกดอกเร็วกว่าปกติ 1 สัปดาห์ และแสงสว่างในเมืองมีส่วนทำให้นกที่อพยพในเวลากลางคืนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป

ข้อมูลสำคัญที่ค้นพบคือ ผลกระทบต่อมนุษย์ เพราะในโลกความเป็นจริง มนุษย์กำลังได้รับแสงสว่างมากกว่าที่เครื่องมือจะวัดค่าได้ เมืองที่ร่ำรวยและพื้นที่อุตสาหกรรมต่างเปลี่ยนจากหลอดไฟโซเดียมที่เป็นสีส้ม ไปใช้หลอดไฟแอลอีดีที่ประหยัดไฟกว่า ขณะที่เซนเซอร์บนดาวเทียมไม่สามารถวัดค่าจากหลอดไฟแอลอีดีได้

สถานการณ์ในขณะนี้ ยุโรปแทบจะหาท้องฟ้าที่เป็นธรรมชาติในเวลากลางคืนไม่ได้แล้ว ดังนั้นวิธีที่ต้องแก้ไขคือ ต้องกำหนดว่าพื้นที่ไหนต้องการให้ส่องสว่าง เพื่อจะได้ไม่เป็นการใช้ไฟไปอย่างสูญเปล่าในที่ที่ไม่จำเป็น และยังเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัวด้วย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทุกประเทศสามารถทำให้พื้นที่เมือง สว่างน้อยลงได้ โดยไม่เป็นปัญหาต่อการมองเห็น เพราะนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า "การมองเห็นของคนเราต้องอาศัยความคมชัด ไม่ใช่ปริมาณของแสง"