ถกปรับค่าแรงนานกว่า7ชั่วโมง เคาะขึ้น5-22บาททั่วไทย

บอร์ดค่าจ้างประชุมมาราธอนนานกว่า 7 ชั่วโมง สุดท้ายเคาะปรับขึ้นทั้งประเทศไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 5-22 บาท เตรียมเสนอเข้าครม.สัปดาห์หน้า วันที่ 18 ม.ค.61 เมื่อเวลา 23.15 น.วานนี้ (17 ม.ค.) นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการค่าจ้าง ให้สัมภาษณ์ถึงผลการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำ หลังจากใช้เวลาในการหารือกันนานกว่า 7 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศตั้งแต่ 5-22 บาท แบ่งเป็น 7 อัตรา คือ 1.อัตรา 308 บาท มี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา 2.อัตรา 310 บาท มี 22 จังหวัด คือสิงห์บุรี ตรัง ลำปาง ลำพูน ตาก ราชบุรี ระนอง ชุมพร สตูล หนองบัวลำภู พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย เชียงราย อุทัยธานี ศรีสะเกษ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ แพร่ แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช มหาสารคาม 3.อัตรา 315 บาท มี 21 จังหวัดคือ ร้อยเอ็ด ประจวบคีรีขันธ์ นครสวรรค์ สระแก้ว พัทลุง อุตรดิตถ์ อุดรธานี นครพนม บุรีรัมย์ สุรินทร์ เพชรบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณื ชัยนาท เลย ยโสธร พะเยา บึงกาฬ น่าน กาญจนบุรี อ่างทอง 4.อัตรา 318 บาท มี 7 จังหวัด คือ จันทบุรี สมุทรสงคราม สกลนคร มุกดาหาร นครนายก กาฬสินธุ์ ปราจีนบุรี 5.อัตรา 320 บาท มี 14 จังหวัด คืออุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา หนองคาย ลพบุรี ตราด ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ นครราชสีมา พังงา 6.อัตรา 325 บาท มี 7 จังหวัด คือ กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา และ 7.สูงสุดอัตรา 330 บาท มี 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต ชลบุรี และระยอง โดยค่าเฉลี่ยการปรับค่าจ้างปี 2561 อยู่ที่ 315.97 บาท ทั้งนี้ จะสรุปเสนอ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อลงนาม และคาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า เพื่อขอให้อนุมัติค่าจ้างอัตราใหม่ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 61 นายจรินทร์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีการเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถใช้ค่าจ้างแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า และในส่วนของสถานประกอบการที่มีลูกจ้างมากกว่า 50 คนขึ้นไป ให้มีการจัดทำโครงสร้างค่าจ้างให้ชัดเจน ว่าแต่ละปีจะมีการปรับขึ้นท่าไหร่ เป็นการรับประกันว่าจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างทุกปี ส่วนกระทรวงก็จะต้องไปแก้กฎหมายรองรับต่อไป นอกจากนี้ยังนำร่องผู้ประกอบการในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ คือชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา นำร่องค่าจ้างลอยตัว สำหรับบรรยากาศการประชุม รวมแล้วใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง โดยเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 16.00 น. มีปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุม มีกรรมการเข้าประชุมครบ ทั้งนี้การประชุมนัดนี้เป็นผลมาที่ประชุมบอร์ดค่าจ้าง เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ไม่ได้ข้อยุติ การประชุมมีการพักเบรกการประชุมมากกว่า 2 ครั้ง ครั้งแรกเวลา 18.00 น. เป็นการพักรับประทานอาหารเย็น และอีกครั้งหลังผ่านไป 5 ชั่วโมง เวลา 21.00น. ไม่มีท่าจะได้ข้อยุติ ปรากฏว่านายสมพงศ์ นครศรี กรรมการค่าจ้างสัดส่วนนายจ้าง ซึ่งอายุ 80 ปี ไม่สามารถทนการประชุมได้ ต้องขออนุญาตที่ประชุมกลับก่อน ทำให้กรรมการฝ่ายนายจ้างเหลือเพียง 4 คน จาก 5 คน ขณะที่ฝ่ายลูกจ้างและรัฐยังอยู่ครบฝ่ายละ 5 คน แต่สุดท้ายก็สามารถลงมติได้ในเวลาเกือบ 23.00น.