ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
มีนาคม 2558 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศปักธงแดงให้ประเทศไทยติดอยู่ในรายชื่อของประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานการบิน
ธงแดง เป็นเครื่องหมายทางการบินระหว่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) ตามมาตรฐานการบินสากลได้ภายในเวลา 90 วัน
ก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคม 2558 ทาง ICAO มีคำเตือนให้กรมการบินพลเรือนแก้ไขปัญหาด้านการบิน ความหละหลวมในการออกใบอนุญาตการเดินอากาศ (AOC)
หลังจากเข้ามาตรวจสอบแล้วพบว่า รัฐบาลไทยมีการอนุมัติใบอนุญาตสายการบินอย่างหละลวม ไร้มาตรฐาน และไร้การควบคุม การกำกับด้านความปลอดภัย
คุณแทบไม่เชื่อว่า ภายในระยะเวลา 9 เดือนย้อนหลังออกไป กรมการบินพลเรือนที่มีผู้ดูแลใบอนุญาตด้านการบิน การกำกับดูแลด้านความปลอดภัยแค่ 11-12 คน ออกใบอนุญาตให้สายการบินเพิ่มจาก 18 สายการบิน เป็น 42-45 สายการบิน ที่ร่ำลือกันว่า มีการกินกันจนพุงกาง
แม้แต่ “อลันสมิธ” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ก็สามารถเป็นเจ้าของสายการบินสกาย วิว แอร์เวย์ และสายการบิน อาร์ แอร์ไลน์ได้ บางสายการบินมีเงินลงทุนแค่ 100 ล้านบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของสายการบินได้แล้ว อะไรมันจะง่ายป่านนั้น
โปรดอย่าถามว่า ใครคนไหน เป็นผู้ลงนามอนุมัติให้แต่ละสายการบิน เพื่อยกระดับไทยให้เป็น “ฮับการบิน” แต่ถ้าใครอยากรู้ความจริงเพิ่มเติม ผมชี้โพรงให้ไปถามจากปากของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์- วรเดช หาญประเสริฐ” ที่เป็นรัฐมนตรี อธิบดีในห้วงนั้น น่าจะได้ความจริงอันเจ็บปวดในธุรกิจนี้
เพราะพิษของการติดธงแดงนั้นก่อให้เกิดวิกฤตกับสายการบิน และผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการบินอย่างหนักหน่วง เนื่องจากนานาชาติประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยต่ำลง การเดินอากาศจากไทยเข้าไปยังประเทศต่างๆ ในกรณีที่ต้องขออนุญาตเป็นรายเที่ยวบินทำการบินไม่ได้
เนื่องจาก ICAO ระบุว่า ประเทศที่มีธงแดงปักอยู่ คือประเทศที่มีปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) และหมายถึงการที่รัฐไม่สามารถให้การควบคุมดูแลเรื่องความปลอดภัยได้เพียงพอต่อการบังคับใช้มาตรฐานการบินอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ไม่ได้หมายความว่าสายการบิน สนามบิน หรือเครื่องบินที่ให้บริการในประเทศนั้น จะมีความบกพร่องด้านความปลอดภัยเสมอไป
แปลไทยเป็นไทยให้เห็นภาพชัด ธงแดงเป็นตัวบ่งบอกว่ารัฐบาล หน่วยงานที่กำกับด้านความปลอดภัยในการกำกับด้านการบินที่ชีวิตผู้คนแขวนไว้ในอากาศมีปัญหาหนัก
ตอนนั้นผมคลุกวงในทำข่าวชิ้นนี้ ได้ยินจากปากของผู้ประกอบการสายการบินว่า ใบอนุญาตปฏิบัติการด้านการบินนั้น มีราคาค่างวดที่ต้องจ่าย การไปตรวจสอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งแค่ 1 รายการมีมูลค่าที่ต้องควักเงินจ่ายให้เจ้าหน้าที่เป็นหมื่น เป็นแสนบาทขาดตัว
ธงแดงของ ICAO นานกว่า 2 ปีครึ่ง ส่งผลให้ไทยสูญเสียโอกาสด้านการบินอย่ามาก ไม่เฉพาะมีผลโดยตรงกับเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำที่ไม่ได้บินในตารางเวลาล่วงหน้าตามปกติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องบินที่รับนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์ที่เข้ามาไทยปีละนับ 10 ล้านคนอย่างจั๋งหนับ
นอกจากนี้ยังกระทบกับการเปิดเส้นทางการบินเส้นใหม่ สายการบินใหม่ที่บินออกจากประเทศไทย เพราะสายการบินเหล่านี้ จะต้องมีการขอใบอนุญาตจากกรมการบินพลเรือนที่มีปัญหาด้านมาตรฐานความปลอดภัยนั่นเอง
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย ไม่อนุญาตให้เครื่องบินเช่าเหมาลำจากไทยบินมาลงจอดอยู่ช่วงหนึ่ง
ขนาดสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่มีมาตรฐานการบินในระดับสากล ต้องยกเลิกเที่ยวบิน “กรุงเทพฯ-ซัปโปโร” ขณะที่เที่ยวบินกรุงเทพฯ- นาริตะ (โตเกียว) และกรุงเทพฯ-คันไซ (โอซาก้า) แม้จะให้บริการได้ตามปกติตามตารางเวลาเดิม แต่ไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินได้
การบินไทยต้องปิดเส้นทางการบินในสหรัฐ และยุโรปหลายประเทศ นกแอร์ต้องยกเลิกเส้นทางการบินไป 17-18 เส้นทางการบิน นี่คือพิษภัยของการปักธงแดง
วันนี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แก้ปัญหาธงแดงได้ หลังจากมีการปฏิรูประบบการบินครั้งใหญ่ มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานควบคุมดูแลระบบการบินของไทย แยกเป็น 4 ด้าน
1.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีฐานะเป็นองค์กรของรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ มีสภาพเป็นนิติบุคคล มีกฎหมายเฉพาะรองรับการทำงาน ทำหน้าที่กำกับดูแล (Regulator) มาตรฐานการบินและการออกใบอนุญาต อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม
2.กรมท่าอากาศยาน จะเป็นหน่วยงานปฏิบัติ (Operator) อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคม มีฐานะเป็นหน่วยงานราชการ รับผิดชอบบริหารท่าอากาศยานภูมิภาคทั้ง 28 แห่ง หรือที่จะมีเพิ่มเติมในอนาคต
3.สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของเรือและอากาศยานที่ประสบภัย
4.สำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือผู้รอดชีวิต มีบุคลากร 70 คน
แต่บาดแผลที่ทิ้งไว้นั้นเหลือคณานับ แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศว่าจะออกใบอนุญาตให้ 12 สายการบินที่ถูกคำสั่งหยุดปฏิบัติการด้านการบินไปก่อนหน้านี้ให้เดินอากาศได้
ทว่าสำหรับ บริษัท ซิตี้ แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบิน “ซิตี้แอร์เวย์” บริษัท สายการบินเอเชียน จำกัด ผู้ให้บริการสายการบิน “เอเชียนแอร์” ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ บริษัท กานต์นิธิ เอวิเอชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสายการบิน “กานต์แอร์” บริษัท เจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการ “เจ็ทเอเซีย แอร์เวย์”ดับสนิท
หลังจากนี้ท้องฟ้าอาจเปิดกว้างขึ้นมา แต่ถึงนาทีนี้ มี 4 สายการบินที่ไม่สามารถไปต่อได้ และกำลังต่อรองกับรัฐในเรื่องกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (re-AOC) ประกอบด้วย สายการบินเอเชีย แอตแลนติก สายการบินเจ็ทเอเชีย สายการบินแอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่น และ สายการบินกานต์แอร์
บทเรียนราคาแพงจากนโยบาย "Open Sky Policy" ที่นักการเมืองและทุนสีเทาสรรสร้างไว้ ได้จารึกในประวัติศาสตร์การบินของไทย...เราไม่ควรให้คน 11-12 คน มาดูแล 42 สายการบินอีกต่อไป
คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา / หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3304 ระหว่างวันที่ 12-14 ต.ค.2560