วีรกรรมทรัมป์ ตลอด 1 ปีในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

วันที่ 20 ม.ค.61 วันนี้ เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องยอมรับว่า 1 ปีที่ผ่านมา นายทรัมป์เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนประเด็นโลกมากมาย สปริงนิวส์ รวบรวมสิ่งที่เรียกได้ว่า วีรกรรม 1 ปีของนายทรัมป์มาให้ย้อนดูกัน นับแต่พิธีสาบานตน 20 มกราคม 2017  โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก ตอนนี้ ต้นแบบเรียบร้อยแล้ว แต่หนทางอีกยาวไกล รัฐบาลเม็กซิโกประกาศกร้าวไม่ยอมจ่ายเงินสร้าง ตามที่ผู้นำสหรัฐฯเคยหมายมั่นไว้  ข้อตกลงนาฟตากับเม็กซิโกและแคนาดาเอง เจรจาซ้ำมาหลายรอบ หาข้อยุติไม่ได้ นายทรัมป์เองขู่ไม่หยุดว่าจะถอนตัวกับคิวบานั้น จากที่ความสัมพันธ์รื้อฟื้นในสมัยบารัก โอบามา , โดนัลด์ ทรัมป์ กลับประกาศนโยบายสวนทางโอบามา แม้ว่าตระกูลคาสโตรประกาศเตรียมลงจากอำนาจแล้วก็ตาม เข้าสู่ปี 2018 ได้ไม่นาน ทรัมป์ก็จุดกระแสวิจารณ์หนักอีก หลังมีข่าวว่าเขาเรียกผู้อพยพจากชาติแอฟริกา เฮติ และเอซัลวาดอร์ว่า เป็นพวกสกปรกน่าขยะแขยง  ความไม่ยั้งปาก กระทบถึงการเจรจานโยบายแก้ปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพราะพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่านทนไม่ได้กับพฤติกรรมผู้นำ นี่ยังไม่นับแผลใจที่ชาติมุสลิม 6 ประเทศต้องแบกรับ จากมาตรการแทรเวล แบน ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ แม้จะบังคับใช้ได้ไม่เต็มที่ก็ตาม แต่เห็นชัดว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ต้องการพวกเขาเข้าประเทศ ส่วนการสู้รบในอัฟกานิสถานและซีเรียนั้น กลายเป็นว่า จากที่จะถอนทหาร สหรัฐฯต้องเพิ่มกำลังรบขึ้นอีก เพราะสถานการณ์ไม่ดีขึ้น  ทรัมป์ยังทำให้โลกตะลึงกับการสั่งยิงโทมาฮอร์คถล่มซีเรียกว่า 50 ลูก ด้วยเหตุผลว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน   สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้นมาใหม่ ต้องเรียกว่าโดนัลด์ ทรัมป์เป็นคนจุดชนวนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะการยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ทำให้ปาเลสไตน์ไม่พอใจ เพราะล้ำเส้น ล้ำบทบาทในฐานะตัวกลางเจรจา ส่วนอิหร่านนั้น นายทรัมป์พยายามคว่ำบาตรอย่างหนัก แม้จะมีข้อตกลงนิวเคลียร์ด้วยกันก็ตาม ข้ามไปที่ทวีปยุโรป นายทรัมป์ถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายขวาจัดไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯ แต่ยังในอังกฤษ ด้วยการรีทวีตวิดีโอที่กลุ่มแนวคิดขวาจัดโพสต์ ขณะเดียวกันปมรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐฯ เริ่มร้อนแรง ล้วงลึกขึ้น ภายใต้การสอบสวนของที่ปรึกษาพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ท่ามกลางความสัมพันธ์กับรัสเซียที่ไม่สู้ดีนัก ต่างฝ่ายต่างขับเจ้าหน้าที่สถานทูตออกไปจำนวนมาก สหรัฐฯยังเตือนพลเรือนอเมริกันให้พิจารณาหลีกเลี่ยงเดินทางไปรัสเซียด้วย ในเวทีโลก ทรัมป์เปลี่ยนทิศสหรัฐฯ แบบหน้ามือเป็นหลังมือในหลายกรณี ไม่ว่าจะขู่ถอนตัวออกจากองค์การการค้าโลก และดึงสหรัฐฯออกจากข้อตกลงโลกร้อน ทำให้ประชาคมโลกมองสหรัฐฯว่า ไม่ใช่ผู้นำการแก้ปัญหาโลกอีกต่อไป จีน มหาอำนาจใหม่ยังดูมีน้ำใจนักกีฬามากกว่า แต่ประเด็นร้อนแรงที่สุด หนีไม่พ้นในเอเชียเรานี่เอง ไม่ใช่การถอนตัวออกจากทีพีพี หรือความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก แต่เป็นวิกฤตคาบสมุทรเกาหลี ที่ประธานาธิบดีทรัมป์วาทกรรมร้อนแรงกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือมาตลอด ทั้งล้อเลียน ตั้งชื่อเล่น ไปถึงอวดว่าปุ่มกดนิวเคลียร์ใครใหญ่กว่ากัน จนสถานการณ์ดูทุเลาลงบ้าง จากการที่เกาหลีเหนือยอมเจรจากับเกาหลีใต้ เพื่อส่งนักกีฬาเข้าร่วมมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว แต่ยังไม่แน่ชัดว่า นี่จะเป็นเพียงลมสงบก่อนพายุจะมาหรือไม่