กรมอุทยานฯ เชื่อใจตำรวจเอาผิด "เปรมชัย" ได้

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงความคืบหน้าการร่วมดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด ผู้ต้องหาคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หลังจากเกิดเหตุมาครบ 1 เดือน

โดยในส่วนที่กรมอุทยานฯรับผิดชอบ จะมีการตรวจวิเคราะห์ชิ้นเนื้อสัตว์ที่พบในที่เกิดเหตุ ที่ตำรวจส่งให้ตรวจสอบ 5 ครั้ง ซึ่งผลการตรวจก็พบเป็นเสือดำเพศเมีย เนื้อหมูป่า และไก่ฟ้าหลังขาว ซึ่งผลการตรวจ DNA และโครโมโซม ก็ยืนยันจากหน่วยนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชื่อถือได้ แต่ก็มีชิ้นส่วน และอุปกรณ์บางชิ้นที่ไม่สามารถนำมาสกัดวิเคราะห์หา DNA ได้

ขณะที่ งาช้าที่ยึดจากบ้านพักของนายเปรมชัย ก็เป็นงาช้างแอฟริกา ที่นำมาขึ้นทะเบียนโดยนางคณิตดา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย ตามพระราชบัญญัติงาช้าง ปี 2558 แต่ก็ถือว่ามีความผิดในข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่า เนื่องจากตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะอนุญาตให้ครอบครองเฉพาะงาช้างเอเชีย หรือช้างไทยเท่านั้น ซึ่งก็ได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนไปแล้ว

ด้าน ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ว่าบกพร่องต่อหน้าที่กรณีอนุญาตให้นายเปรมชัย และคณะ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หรือไม่ นายปิ่นสักก์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทุกคนไม่มีความผิดและไม่บกพร่องต่อหน้าที่ ตั้งแต่นางกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า จนถึงนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ที่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ แต่ว่าคณะของนายเปรมชัย เข้าไปในจุดที่ห้ามเข้าเอง และเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการจับกุมตามระเบียบแล้ว จึงถือว่าไม่มีความบกพร่อง

ส่วนกรณีการมอบไฟฉายให้เจ้าหน้าที่นั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นผู้มอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน 5 กระบอก ราคากระบอกละ 120 บาท ซึ่งก็เป็นการมอบให้ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยเรียนมาด้วยกัน ไม่เกี่ยวข้องกับการติดสินบน

ทั้งนี้ การรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งการจำลองวิถีกระสุนการยิงเสือดำ ทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็กำลังดำเนินการ ส่วนตำรวจจะนำเข้าประกอบสำนวนคดีหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ และกำลังหารายละเอียดเพิ่ม หากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็จะส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน

สำหรับกรณีที่สังคมมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่หลายภาคส่วนให้ความสำคัญกับสัตว์ป่า และเป็นการขับเคลื่อนของสังคมในการร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งคดีนี้ก็ถือว่าเป็นคดีที่สังคมจับตามอง และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ทำงานควบคู่กับตำรวจ และมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีกับนายเปรมชัยได้

และการที่ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกมาแถลงข่าวว่าจะเคลื่อนไหวหากตำรวจไม่ดำเนินคดีกับนายเปรมชัยในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่านั้น และกรมอุทยานแห่งชาติฯ จะขอดูสำนวนคดีก่อนส่งฟ้องต่ออัยการหรือไม่นั้น นายปิ่นสักก์ ระบุว่า เชื่อว่าคณะพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนคดีทั้งหมด และยังไม่ถึงขั้นตอนนั้นที่ไปขอดูสำนวนคดี และไม่สามารถก้าวล่วงการทำคดีของตำรวจได้