svasdssvasds

"อนาคตใหม่" หรือแค่ "นายทุน" อยากเข้าสู่อำนาจ

"อนาคตใหม่" หรือแค่ "นายทุน" อยากเข้าสู่อำนาจ

"สนธิญาณ"ร่ายยาว สอนมวย "ธนาธร" มอง "พรรคอนาคตใหม่" คล้ายองคาพยพของพรรคเพื่อไทย...ระบอบทักษิณ

ไม่มีใครปฏิเสธว่า "โลกอยู่ได้ด้วยความแตกต่าง" ในโลกแห่งความเป็นประชาธิปไตยก็เช่นกัน...ล้วนอยู่ได้ด้วยความแตกต่าง...เรารังสรรค์ความคิดต่างให้มาอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน...เพื่อความผาสุกของสังคม ดังนั้น การก่อเกิดพรรคการเมืองใหม่ ๆ จึงถือเป็นเรื่องปกติของสังคม...ที่ลองผิดลองถูกมากว่าครึ่งศตวรรษ อย่างน้อยก็เพื่อฉีกหนีความจำเจในการทางเมือง...ที่พิสูจน์มายาวนานมากแล้วว่า...ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติ...ยกระดับสู่ความเป็นอารยะในทางการเมืองการปกครองสักเท่าไหร่

การเปิดตัว “พรรคอนาคตใหม่” ของรองประธานบริษัท ไทยซัมมิทฯ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เป็นกระแสเมื่อสัปดาห์ 2 สัปดาห์ก่อน ในวันนี้ก็อาศัยเงื่อนไขนี้ โดยพรรคฯ ชูประเด็นคนรุ่นใหม่...อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ดังเห็นได้จากเอกสารเปิดตัวพรรคฯ ซึ่งระบุใจความหลัก ๆ ทำนอง ความขัดแย้งทางการเมืองภายใต้รัฐบาลทหาร ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพฯ และถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังใหม่ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้ง ฯลฯ

รวมทั้งระบุด้วยซ้ำว่า “พรรคอนาคตใหม่" เกิดจากการรวมกันของคนหลากหลายวงการ เพื่อลงมือสร้างการเมืองแบบใหม่ ไม่ให้ประเทศไทยต้องจมปลักอยู่กับ "ทศวรรษที่สูญหาย" อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ จะพบว่าเป็นการรวมตัวของเด็ก ๆ รุ่นใหม่รวม 27 คน ภายใต้การชักชวนของนายธนาธร และนายปิยะบุตร แสงกนกกุล อาจารย์"กลุ่มนิติราษฎร์" จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังที่ทุกคนทราบกันดี

และที่ไม่อาจละเลย...ที่จะไม่กล่าวถึงในที่นี้ คือ ตัวธนาธร อันเปรียบเป็นหัวเรือใหญ่นั้น...เป็นนายทุนใหญ่สายการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เบอร์ต้นของเมืองไทย...แถมยังสยายปีกไปสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนดังกล่าวที่อเมริกาเสียอีก...นั่นจึงเป็นคำถามว่า...แท้แล้ว...ธนาธร...ที่อ้างว่า เชิดชูคุณค่าประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน สร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าและเป็นธรรมแก่ทุกคน เพราะเชื่อว่ามนุษย์ที่มีความฝั มีสิทธิที่จะเดินตามและปกป้องความฝันของตัวเอง...อยากกระทำตามอ้างจริง ๆ ...หรือแค่...นายทุนอยากเข้าสู่อำนาจ...เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น...โดยเฉพาะพรรคที่ใกล้ตัวเขา...อย่างพรรคเพื่อไทย...ซึ่งก่อนการเข้าสู่อำนาจก็อ้างทำนองเดียวกันคือ "เข้ามาเพื่อประชาธิปไตย และรวยแล้วไม่โกง" แล้วจะว่าไปการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของธนาธร...ก่อนประกาศเล่นการเมือง...ก็ซ้อนทับคาบเกี่ยวกับ...องคาพยพของพรรคเพื่อไทย...ระบอบทักษิณ และคนเสื้อแดง....อย่างแยกกันไม่ออก

เหนืออื่นใดก็คือ มีรายงานข่าวยืนยันชัดเจนว่า เขาเพิ่งลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่างมติชน มาใหม่หมาดวานนี้...นั่นก็ยิ่งทำให้ "จิ๊กซอว์" นายทุนเก่าที่ติดตัวมา...ลบเลือนไปยากอยู่อักโข

จริงอยู่ ในโลกแห่งประชาธิปไตย เราควรจะให้โอกาส และยอมรับในความกล้าหาญในการประกาศตัว และไม่ควรมอง "กลิ่นอาย" ที่ติดตัวมาของเขา

ดังที่ธนาธรเองก็บอกเรื่องนี้เอาไว้ว่า "ผมยอมรับว่ามีคนสบประมาท ว่า กลุ่มผมคงไม่ต่างอะไรกับคุณทักษิณ แต่ผมว่าขอให้เวลาพิสูจน์ เพราะไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าผมจะเป็นอย่างไร โดยไม่เปิดโอกาสให้ลงมือทำ ต่อให้ผม หรือคุณปิยบุตร ทำพรรคได้จริง แต่คงต้องใช้เวลา เพราะคงทำอะไรไม่ได้ในเร็ววัน เนื่องจากกระบวนการนี้ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับสังคม คนที่ผ่านการเมืองรอบ 10 ปี ได้เรียนรู้จากความขัดแย้ง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างประชาธิปไตยที่แข็งแกร่ง...

"ถ้าคุณใจแคบก็ดูที่นามสกุลผม แต่ถ้าคุณใจกว้างก็ขอให้ดูสิ่งที่ผมพูดและถ้าคุณใจกว้างขึ้นไปอีกก็ขอให้ดูจากสิ่งที่ผมทำ ผมไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้มากกว่านี้...."

นั่นคือคำพูดของธนาธร...ที่อาจจะฟังดูดี และอาจจงใจสื่อถึงคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่ประสาทางการเมืองอาจเคลิ้มตามได้ง่าย ๆ แต่ในความเป็นจริง...การเมืองไทยซับซ้อนกว่านั้นมาก และหากไม่ศึกษาอย่างถ่องแท้...อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่มได้ง่าย ๆ

ดังที่ อ. ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อคิดเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

"ตลอดเวลา 30 กว่าปีที่ผมสอนหนังสือและทำงานทางการเมืองควบคู่กันมาเป็นระยะๆ ทั้งในต่างประเทศและที่นี่ ผมมีความเชื่ออยู่เสมอว่า เราจะต้องพึ่งพาคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ให้เป็นกำลังสำคัญร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมือง แต่พวกเขาจะต้องศึกษาหาความรู้ในเรื่องของบ้านเมืองอย่างจริงจังและถ่องแท้ก่อน เพราะปัญหาบ้านเมืองเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายลักษณะ และยังเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และการต่างประเทศในมิติที่คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย

"ปัจจุบัน เยาวชนอายุน้อยๆมักจะพูดกันบ่อยๆว่า เวลานั้นเข้าข้างพวกเขา (Time is on our side) เพราะเป็นคนหนุ่มสาว มีเวลาใช้ชีวิตอีกนาน ไม่ต้องรีบเร่งหรือจริงจังอะไรก็ได้ แต่ผมคิดว่า คนรุ่นใหม่ควรเรียนรู้อย่างจริงจังและรอบด้านในเรื่องของบ้านเมือง ณ บัดนี้ เพราะยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ได้มาถึงแล้ว ผมเองจะสนับสนุนและส่งเสริมให้พวกเขาได้ใช้เวลาอย่างมีค่า" อ. ปณิธาน ระบุ

ความห่วงใยของ อ. ปณิธาน นับว่าสอดรับกับกระแส "พรรคคนรุ่นใหม่" ของนายทุนหนุ่มอย่างมาก...ส่วนจะเป็น "อนาคตใหม่" เพื่อเชิดชูความเท่าเทียมของมนุษย์ดังว่า...หรือแค่ "นายทุน" อยากเข้าสู่อำนาจ หลังเลือกตั้งสักปี...ก็รู้เรื่องแล้ว...และทั้งหลายทั้งปวงนั่น...ยังไม่ได้กล่าวไปถึง...นัยยะแฝงที่ "ปิยะบุตร" อาจารย์จาก "กลุ่มนิติราษฎร์" อีกหนึ่งหัวเรือใหญ่ของพรรคฯ อาจมุ่งหวังใช้อำนาจทางการเมือง เคลื่อนไหวในประเด็นล่อแหลมที่แก๊งตนพยายามผลักดันเรื่องนี้มาตลอด...ก็เป็นได้

อ่าน อ่านจะๆ "สนธิญาณ"ร่ายยาว สอนมวย "ธนาธร"จะไร้ราคาเมื่อเป็นซ้าย"ปัญญาอ่อน"!! ??

related