ปักกิ่งใจป้ำ จ่าย 5 ล้านดึงอัจฉริยะทั่วโลก

ตามที่หนังสือพิมพ์ เซาท์ไชนา มอร์นิง โพสต์ (SCMP) ในฮ่องกงรายงาน ชี้ว่ามาตรการต่างๆที่รัฐบาลท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง จะใช้เพื่อดึงดูดบุคลากรความสามารถสูงจากต่างประเทศ ให้เข้ามาพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มีทั้งการมอบเงินสนับสนุนสูงสุด 5 ล้านบาทต่อคน การผ่อนปรนนโยบายการทำวีซา รวมถึงลัดขั้นตอนทำให้กระบวนการตรวจสอบ เพื่อรับวีซาแบบเข้าออกได้หลายครั้ง นาน 10 ปี หรือที่ทางการจีนเรียกว่า กรีนการ์ด นั้นรวดเร็วขึ้น โดยกรีนการ์ดนี้ จะช่วยให้สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนจีนได้ ไม่เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี แต่รัฐบาลกรุงปักกิ่งยังต้องการดึงดูดบุคลากรจากบริษัทด้านการลงทุน และสินทรัพย์ต่างๆ ผู้ประกอบการ รวมไปถึงพนักงานระดับผู้จัดการอาวุโส และวิชาชีพขั้นสูงอื่นๆ จากในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวันด้วย ส่วนเงินอุดหนุน 5 ล้านบาทนั้น จะได้ต่อเมื่อทำสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

มาตรการนี้ยังสอดรับ กับเป้าหมายของรัฐบาล ที่เคยประกาศว่าจะทุ่มเงินกว่า 1 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสมองกลอัจฉริยะ หรือเอไอ ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ เพื่อทำให้จีน เป็นประเทศนวัตกรรมเอไอขั้นนำ ภายในปี 2030 ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ จีนจำเป็นต้องหาบุคลากรความสามารถสูง มาเป็นผู้นำสถาบันวิจัยและบริษัทด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ ที่จะเกิดขึ้น

การแข่งขันสู่การเป็นยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรมไม่ได้แข่งขันกันแค่ระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละเมืองใหญ่ทั่วจีนเอง ยังแข่งขันกันระหว่างเมืองด้วย อย่างปักกิ่งนั้น พยายามช่วงชิงบุคลากรขั้นสูง กับเมืองเสิ่นเจิ้น ที่มีภูมิศาสตร์ได้เปรียบกว่า เพราะอยู่ติดกับฮ่องกง อีกทั้ง ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตชั้นนำอย่าง เทนเซนต์ โฮลดิง (Tencent Holding) หัวเหว่ย เทคโนโลยี และดีเจไอ (DJI) ผู้ผลิตโดรนรายใหญ่อีกด้วย

ไม่เพียงแข่งขันกันเอง แต่ปักกิ่งและเสิ่นเจิ้น ยังทำงานร่วมกันด้วย เพื่อร่างแผนสร้างนิคมนวัตกรรม เพื่อดึงดูดบุคลากรความสามารถสูงจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงานในจีน ส่วนแผนแม่บทขนาดใหญ่ของรัฐบาล คือการสร้าง เกรทเทอร์ เบย์ เอเรีย (Greater Bay Area) ให้เป็นศูนย์ กลางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยการผนวกรวมฮ่องกง มาเก๊า และอีก 9 เมืองชั้นนำในมณฑลกวางตุ้ง เข้าด้วยกัน