svasdssvasds

เพจดังเตือน! อย่านิ่งนอนใจ เหตุข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล

เพจดังเตือน! อย่านิ่งนอนใจ เหตุข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล

เพจ Drama-addict โพสต์เรื่องราวอุทาหรณ์สอนใจหญิงชาวจีนถูกขโมยข้อมูลบัตรประชาชนไป จนเธอแทบจะหมดสิ้นอนาคตในการทำงาน

วันนี้(19เม.ย.)จากกรณี TrueMove H ค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในไทยเผลอทำข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ และพาสปอร์ต จำนวนกว่า 46,000 ราย รวม 32 GB หลุดบนคลาวด์เก็บข้อมูล Amazon S3 ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลชุดดังกล่าวได้โดยไม่มีการป้องกันใดๆ (รวมถึงการดาวน์โหลด) ร้อนถึงกสทช.สั่งให้รับผิดชอบและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น หลายคนอาจยังไม่รู้ถึงความเสียหายหรือผลกระทบที่จะตามมา ล่าสุดเพจดังอย่าง  Drama-addict ได้แชร์โพสต์จากเพจ อ้ายจง กับอุทาหรณ์ความเสียหายจากการที่ข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นรั่วไหลออกไป โดยระบุว่า “เหตุเกิดที่เมืองจีน เมื่อหญิงคนนึงถูกขโมยข้อมูลบัตรประชาชนไป จนเธอแทบจะหมดสิ้นอนาคตในการทำงาน ส่วนประเทศบุรุนแลนด์กล่าวว่า ข้อมูลผิวๆเอาไปทำไรไม่ได้หรอก “บัตรประชาชน และเอกสารยืนยันตัวตนอื่นๆ ถ้าถูกขโมยหรือหลุดหายไป มีผลเสียต่อเรามากขนาดไหน? ลองมาดูข่าวนี้จากจีนกันครับ

หญิงสาวชาวจีนพลาดความฝันที่จะเป็นครู และโดนอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนมัธยมต้น ใช้บัตรประชาชนและเอกสารของเธอที่ถูกขโมย สวมรอยเป็นตนเองเป็นระยะเวลากว่า 20ปี เพื่อเข้าเรียนโรงเรียนวิชาชีพครู จนจบมาทำงานในสำนักงานการศึกษาพื้นที่บ้านเกิด

เมื่อเร็วๆนี้สื่อจีนรายงานว่า เกิดเหตุมีการสวมรอยเป็นบุคคลอื่นกว่า20ปี ในพื้นที่อำเภอซานหยวน เมืองเสียนหยาง มณฑลส่านซี โดยเริ่มจากเมื่อปี 1998 เมื่อ จิงเกาเฟิง ที่กำลังจะจบมัธยมในขณะนั้น ได้สอบเข้าโรงเรียนวิชาชีพครูอำเภอซานหยวน บ้านเกิด และผลออกมาว่า "เธอสอบไม่ผ่าน" และเมื่อถามทางโรงเรียนถึงคะแนน ก็ไม่ได้รับการแจ้ง แต่กลับได้คำตอบว่า "เอกสารการสมัคร บัตรประชาชน ข้อสอบที่เธอทำ อันตรธานหายไปหมด"

ครั้งนั้นเธอเครียดมากที่ไม่ได้เดินตามฝัน แต่ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องเอกสารหายไป ก็เรียนจนจบมัธยมปลาย จากนั้นเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยชุมชน พอจบออกมาก็ทำงานตามปกติ แต่เปลี่ยนงานค่อนข้างบ่อย และไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็น เนื่องจากในใจยังคงเศร้ากับการอดตามความฝัน เป็นครูโรงเรียนอนุบาล

เรื่องทั้งหมดมากระจ่างขึ้นเมื่อปี2017 เพื่อนของพ่อเธอมาที่บ้าน แล้วบอกกับพ่อเธอว่าเจอชื่อของเธอเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลในพื้นที่บ้านเกิดของเธอนั่นเอง แต่ในความเป็นจริง ณ ตอนนั้น เธอได้ย้ายออกจากอำเภอซานหยวน มาทำงานในเมืองซีอานแล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก

เมื่อ "จิงเกาเฟิง" รู้เรื่องจากพ่อของเธอ ก็เริ่มสงสัย โดยเธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า สงสัยเนื่องจาก ชื่อของเธอเป็นชื่อที่ไม่น่าจะมีใครเหมือน เพราะเป็นชื่อที่ดูเหมือนผู้ชาย แต่พ่อแม่เอามาตั้งให้กับลูกสาว ดังนั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่น่าจะมีชื่อซ้ำกับเธอ

เมื่อสืบสาวราวเรื่อง จึงโป๊ะแตกว่า ”Li Min" อดีตเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้น เป็นคนปลอมแปลงเป็นเธอเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนวิชาชีพครู ในเวลาเดียวกันกับที่เธอโดนบอกว่าสอบไม่ติดและเอกสารหายไป และ Li Min ปลอมเป็น จิงเกาเฟิงเรื่อยมา กว่า20ปี จนทำงานในสำนักงานการศึกษาอำเภอซานหยวน เมื่อความจริงกระจ่าง จิงเกาเฟิงตัวจริง จึงไปหาจิงเกาเฟิงตัวปลอม โดยตัวปลอมยังบอกว่า "ฉันให้เงินเธอก็ได้ ขอให้จบ"

ล่าสุด ทางสำนักงานการศึกษาได้ตั้งกรรมการสอบสวน และ Li Min ได้ลาออกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังคงต้องรอความคืบหน้าว่า "ทำไมเอกสารบัตรประชาชนและอื่นๆที่ยืนยันตัวตนของ จิงเกาเฟิง ที่ใช้ในการสอบเข้าเมื่อปี 1998 ถึงถูกขโมยไปได้ในตอนนั้น"

นอกจากกรณีของ จิงเกาเฟิงแล้ว ข่าวจีนยังรายงานอีกว่า เมื่อสองวันก่อน ยังพบกรณีคล้ายๆกันเกิดขึ้นจากการสอบเข้าโรงเรียนวิชาชีพครูอำเภอซานหยวน เช่นเดียวกับจิงเกาเฟิง แต่เกิดเมื่อปี2000 ดังนั้นจึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับการสอบเข้าโรงเรียนแห่งนี้กันแน่ - "ทำไมข้อมูลของนักเรียนที่มาสอบเข้าจึงหลุดไปได้และโดนปลอมแปลงสวมรอยตัวตนจากคนอื่น"

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.facebook.com/DramaAdd

related