ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเสียงข้างมาก 118 คะแนน ต่อ 25 ไม่เลือกรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาให้ สนช. โดยมีสมาชิก สนช. งดออกเสียงจำนวน 20 คน เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา
โดยผู้ผ่านการสรรหาที่จะเป็นว่าที่ กสทช. รอบสุดท้ายแต่ละด้านผ่านเข้ามา 2 คนจะคัดเหลือเพียง 1 คน ได้แก่
ในการลงมติใช้วิธีประชุมลับกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. และเลขานุการวิปสนช. กล่าวภายหลังลงมติว่า คณะกรรมาธิการสามัญซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่จะได้รับเลือกเป็นกรรมการกสทช. พบว่ามีปัญหาด้านคุณสมบัติและความประพฤติ 8 คน อาจขัดกับมาตรา 7 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ลักษณะต้องห้ามว่ากสทช.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลา 1 ปีก่อนได้รับการคัดเลือก เมื่อพบว่ามีบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบและมีลักษณะต้องห้าม จึงมีประเด็นว่าบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมานั้นมีจำนวน 2 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งถ้า สนช. ลงมติเลือกไปอาจมีปัญหาในทางกฎหมายได้ จึงขอให้ สนช. ลงมติเพื่อไม่เลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการสรรหากลับไปแก้ไขข้อบกพร่อง ซึงเป็นไปตามมาตรา 17 วรรคสองของกฎหมายที่กำหนดไว้ว่าถ้า สนช. ไม่สามารถเลือก กสทช. ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการดำเนินการสรรหาเพิ่มเติมต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากมีมติคว่ำกระดานการเลือก กสทช.แล้ว มีการปล่อยคลิปผ่านสื่อ ในคำสนทนาอ้างถึงสาเหตุ ทำไมถึงลงมติรายชื่อไม่ผ่านการคัดเลือกผู้ผ่านการสรรหารอบสุดท้ายทั้งหมด