อนาคตใหม่มีโอกาสปักธง กทม. “สุขุม” ชี้คนกรุงไม่เลือกพรรครัฐบาล

ส่งผลให้ชื่อของพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นที่รู้จักดี รวมทั้งยังได้กระแสตอบรับอย่างดีจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ๆ ที่อยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลงพลิกโฉม มักขอถ่ายภาพแบบเซลฟี่ร่วมเฟรมกับนายธนาธร ซึ่งเห็นได้จากการลงพื้นที่หาเสียงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีนักเรียนนักศึกษาไปต้อนรับและขอถ่ายภาพด้วยเป็นจำนวนมาก

ความนิยมในตัวของเขา เห็นได้จากการมีสมาชิกแฟนคลับจำนวนมาก บ่อยครั้งมีการติดแฮคแทคเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้ อาทิ #ฟ้ารักพ่อ และ ล่าสุด #Savethanatorn กรณีต้องไปรายงานต่ออัยการสูงสุดเพื่อฟังคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง คดีไลฟ์สดวิจารณ์ “พลังดูด” แม้จะมีกระแสข่าวในทำนอง “ทำกันเอง”แพร่สะพัดก็ตามที

เพราะกระแสความร้อนแรงของคนรุ่นใหม่ และนโยบายที่ท้าทายทั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพ ทำให้อีสานโพล เดือนกุมภาพันธ์ 2562  ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดผลสำรวจพบว่า พรรคอนาคตใหม่ ได้รับคะแนนนิยมเป็นอันดับที่สอง ร้อยละ 21.2 ตามหลัง “แชมป์เก่า”พรรคเพื่อไทยที่ได้รับความนิยมร้อยละ  44.8 ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนนิยมอันดับที่สี่ เพียงร้อยละ 7.4 และพรรคภูมิใจไทย “รองแชมป์เก่า”ของอีสาน ได้อันดับที่ห้า ร้อยละ 6.1

ไม่เพียงเท่านั้น บ้านสมเด็จโพล ของมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เปิดผลโพลเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เช่นกัน ปรากฏว่า บุคคลที่ชาวกรุงเทพฯเห็นว่าเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คือ นายธนาธร ร้อยละ 36.6 ทิ้งห่างอันดับที่ 2 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ร้อยละ 18.4

อันดับที่สาม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้ร้อยละ 16.8  ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เพียงร้อยละ 11.0

ผลสำรวจยังพบว่า พรรคอนาคตใหม่ ได้รับความนิยมสูงสุดในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 37.8  เทียบกับพรรคเพื่อไทย ที่ได้อันดับที่สอง ร้อยละ 23.9 อันดับที่สาม พรรคประชาธิปัตย์ “แชมป์เก่า”เลือกตั้งส.ส.กรุงเทพฯ 2 สมัยหลังสุด ได้เพียงร้อยละ 15.4

การขยับขึ้นรวดเร็วแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือนธันวาคม 2561 ของบ้านสมเด็จโพลเช่นกัน ซึ่งครั้งนั้น นายธนาธรอยู่ในอันดับที่สี่ ของบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเพียงร้อยละ 9.3 และพรรคอนาคตใหม่ ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่สี่ ร้อยละ 7.5 เท่านั้น

ถือเป็นการส่งสัญญาณที่มีนัย สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งอาจจะคล้ายคลึงกับการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2535 ที่พรรคพลังธรรม ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง สามารถสร้างความนิยมจากคนกรุงเทพฯได้อย่างถล่มทลาย กวาดส.ส.ไป 32 จาก 35 ที่นั่งในกรุงเทพฯ และยังได้ส.ส.ในต่างจังหวัดอีกจำนวนหนึ่ง แม้นว่าส.ส.ส่วนใหญ่ จะ “โนเนม”ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก เมื่อเทียบกับผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่น

สาเหตุสำคัญ เกิดจากความเบื่อหน่ายต่อการเมืองของผู้คน รวมถึงการรัฐประหารของกองทัพ อันเกิดจากการจับมือรวมตัวของนายทหาร “ระดับบิ๊ก” ในเหล่าทัพต่างๆ ที่เข้าไปมีบทบาททางการเมือง และส่อเค้าจะมีการสืบทอดอำนาจ พรรคพลังธรรมจึงมุ่งชูคุณธรรมความดีในการสู้ศึก โดยแกนนำส่วนหนึ่งมาจาก “สันติอโศก”ที่เคร่งครัดเรื่องการปฏิบัติธรรม กินอาหารมังสวิรัติ จึงเกิดกระแส “พลังผัก”สู้พลังเงิน และใช้วัสดุอย่างฝาเข่งเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์หาเสียงเลือกตั้ง จึงโดนใจคนกรุงเทพฯ และผู้คนในเขตเมืองใหญ่ในขณะนั้น

รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นักวิชาการด้านการเมือง ให้ทัศนะอย่างมั่นใจว่า พรรคการเมืองที่จะเป็นคู่แข่งกับ 2 พรรคเดิมที่เคยได้ส.ส.กรุงเทพฯ คือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีภาพลักษณ์ของการเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เปิดนโยบายที่โดนใจคนรุ่นใหม่ที่อยากเห็นการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลง

และโดยธรรมชาติของคนกรุงเทพฯ มักไม่เลือกผู้สมัครส.ส.จากพรรครัฐบาล เป็นเช่นนี้มาตลอด ดังนั้น พรรคการเมืองที่จะเป็นคู่แย่งชิงส.ส.กรุงเทพฯ จึงจะไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐ แม้จะได้คนทำงานในพื้นที่ให้กับพรรคการเมืองใหญ่ไปลงสมัครในนามของพรรคก็ตาม

พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทุกๆครั้ง จะต้องเตรียมเวลาเผื่อไว้สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่ของแฟนคลับที่เป็นวัยรุ่นคนหนุ่มสาวที่เข้าคิวยาวเหยียดไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง จึงกลายเป็นพรรคที่ถูกจับตามองมากที่สุดในลำดับต้นๆขณะนี้