กรี๊ดค่ะ สีผมพาสเทล มีความยูนิคอร์น แต่ต้องระวังให้มาก !!! มันน่ากลัวจริงๆ

สีพาสเทล สีแห่งมนต์เสน่ห์ ให้ความรู้สึก ดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย เทรนด์สีผมที่มาแรง และน่าจะอยู่ถึงช่วงฉลองคริสต์มาสนี้ คือ สีพาสเทล หรือ สีโทนลูกกวาด ส่วนจะเข้ากันได้กับสีผิวของสาวเอเชียหรือไม่นั้น ช่างผมชื่อดังบอกว่า ต้องเลือกวางคู่สีดีๆ ก็จะช่วยขับให้ใบหน้าสาวเอเชียให้ดูโดดเด่นสวยหวานได้ ซึ่ง 5 เฉดสีพาสเทลที่แนะนำ ได้แก่ เขียวมิ้นต์ ม่วงไลแล็ค ส้มพีช ฟ้าสกาย และชมพูโรส  ซึ่งนอกจากการผสมสี เพื่อให้ได้คู่สีที่ตัดกันแล้ว ควรเลือกแพตเทิร์นสีให้เหมาะกับสไตล์ทรงผมและบุคลิกของแต่ละคนด้วย

โฮโลกราฟฟิค เป็นการผสมสีบลอน์ กับสีพาสเทล ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน สีลาเวนเดอร์ มีความยูนิคอร์น มุ้งมิ้ง น่ารัก หวานสุดๆ แต่การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้เส้นผมที่ผ่านสารเคมี ไม่แข็งแรง หลุดร่วงได้ง่าย และยังทำให้เกิดอันตรายต่อใบหน้าหรือระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ส่งผลให้ผิวหนังเป็นแผลได้ รวมทั้งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้โรคหนังศีรษะแห้งและที่สำคัญอาจทำให้เป็นโรคมะเร็งหนังศีรษะได้

คนเรามีผมเฉลี่ย 90,000 – 140,000 เส้น  ส่วนผมสีดำมีเฉลี่ย 105,000 เส้น และสีบลอนด์มีเฉลี่ย 140,000 เส้น ผมจะร่วงมากขึ้นในฤดูฝนและฤดูหนาวโดยมากกว่าในฤดูร้อน เนื่องจากการเปลี่ยนฤดูและการสัมผัสกับแสงแดด ส่วนคนที่มีผมสีเข้ม จำนวนเส้นผมจะน้อยกว่าผมสีแดง ขณะที่เส้นผมที่ปกติของคนเรา มีความแข็งแรงเท่ากับลวดทองแดง (เมื่อมีพื้นที่หน้าตัดเท่ากัน) ขณะที่แชมพูที่แพงที่สุดในโลก คือ แชมพู Alterna ทำมาจาก ปลาคาเวียร์ (caviar) ราคาประมาณ 200 us dollar ต่อขวด คุณสมบัติเด่นคือ ต่อต้านผมเสียที่เกิดจากการมีอายุมากขึ้น

ถ้าไม่นับความเสี่ยงในการผมร่วงโดยธรรมชาติแล้ว สารเคมีที่อยู่ในยาย้อมผม เป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายเส้นผม อย่างสารฟีนิลินไดอะมี ที่อยู่ในสีย้อมผมชนิดถาวร เป็นสารเคมีอันตราย เมื่อดูดซึมเข้าสู่หนังศีรษะแล้ว อาจไปสะสมอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดโรคมะเร็งหนังศีรษะได้

สำหรับมะเร็งหนังศีรษะ คนส่วนใหญ่มักมองข้าม หรือไม่ได้รับการเอาใจใส่ ความผิดปกติที่อาจพบได้ คือ อาจมีแผล ตุ่ม หรือก้อน เกิดขึ้นที่บริเวณหนังศีรษะ หรือใต้ต่อหนังศีรษะ ซึ่งจะถูกปกคลุมด้วยเส้นผม โดยอาจจะไม่มีอาการใดๆ หากไม่ได้ใส่ใจที่จะตรวจดูก็อาจจะทำให้โรคลุกลามไปมากก่อนที่จะตรวจพบ มะเร็งของหนังศีรษะนั้น มักเป็นโรคของหนังศีรษะเอง หรือมะเร็งของเนื้อเยื่อและกระดูกบริเวณนั้น แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้ง ที่ตุ่มก้อนนั้น เกิดจากการแพร่กระจายจากมะเร็งในตำแหน่งอื่นมายังกะโหลกศีรษะ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ปรากฏอาการของรอยโรคปฐมภูมิ เช่น มะเร็งต่อมธัยรอยด์ เป็นต้น การตรวจที่ทำได้ง่าย คือการลูบคลำ เวลาที่ อาบน้ำ  สระผม หรือแม้แต่เวลาไปร้านทำผม ก็อาจจะถามช่างได้ว่ามีตุ่ม หรืออะไรผิดปกติหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นเนื้องอกภายในกะโหลกศีรษะ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยอาการแสดง ซึ่งอาการแสดงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการปวดศีรษะ ซึ่งอาจพบร่วมกับอาการตามัว อาเจียนโดยมักจะไม่มีอาการคลื่นไส้ เป็นผลมาจากการที่มีการเพิ่มความดันภายในกะโหลกศีรษะ เช่น การเกิดเนื้องอกในสมอง การแพร่กระจายของมะเร็งจากที่อื่นๆ ไปยังสมอง หรือกระดูกฐานกะโหลกศีรษะ

ขณะที่ สารตัวอื่นๆที่พบในยาย้อมผม อย่าง เลดอะซีเตด ซึ่งเป็นสารตะกั่ว อยู่ในครีมปกปิดผมขาว ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก เช่นเดียวกับ สารซิลเวอร์ไนเตรต หากสะสมในร่างกาย อาจทำลายสมอง และประสาทสัมผัสได้ ที่สำคัญสารนี้ ยังจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งด้วยเช่นกัน

หลายคนเกิดคำถามว่า ยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปของ "น้ำ" กับ ที่มีลักษณะเป็น "โฟม" ก่อให้เกิดอันตรายต่อหนังศีรษะได้เท่า ๆ กัน หรือไม่ คำตอบคือ น้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบโฟม  มีส่วนประกอบของสารเคมี น้อยกว่าน้ำยาย้อมสีผมที่อยู่ในรูปแบบน้ำ และขั้นตอนในการหมักผม ใช้เวลาน้อยกว่า จึงทำให้โอกาสเกิดสารตกค้างบนเส้นผมและหนังศีรษะได้น้อยกว่า

ดังนั้น หากอยากอินกับแฟชั่นสีผม ต้องใส่ใจเลือกน้ำยาย้อมสีผม ที่ไม่มีอันตรายรุนแรง พิจารณาตัวที่ไม่มีส่วนผสมของเกลือ หรือสารเคมีที่อันตรายอย่างสารตะกั่ว และปรอท เป็นส่วนประกอบหลัก และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากได้รับการอนุญาตจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือควรเลือกซื้อตามร้านจำหน่ายที่สะอาดและปลอดภัยไว้ใจได้ และที่สำคัญไม่ควรย้อมสีผมบ่อยเกินปีละ 9 ครั้ง เพราะมีการวิจัยแล้วว่า อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ส่วนผู้ที่ไม่แนะนำให้ทำสีผมนั้น คือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว

ขอบคุณข้อมูล จาก www.boredpanda.com

ขอบคุณภาพ จาก women.mthai.com

คอลัมน์ Youngทัน By อรรธจิตฐา วิทยาภรณ์