ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
หลังพบปัญหาซ่อนเร้นในตลาดจตุจักร ตลาดนัดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ว่าเจ้าของแผงที่ได้รับสิทธิ์ตัวจริงไปปล่อยให้ผู้ค้าเช่าช่วงและเซ้งสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นที่มาเก็บค่าเช่าสูงกว่าสามพันบาท บางแผงเช่าในราคาเหยียบแสนบาท
สปริงนิวส์ยังเกาะติดปัญหาถูกซ่อนเร้นในตลาดนัดตุจักร หลังพบว่าตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ เจ้าของแผงที่ได้รับสิทธิ์ตัวจริง ปล่อยให้ผู้ค้าเช่าช่วงและเซ้งสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต จนเป็นหนึ่งในสาเหตุ ทำให้ค่าเช่าต่อเดือนสูงกว่าสามพันบาท
ข้อมูลจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า พื้นที่ตลาดนัดจตุจักรแบ่งเป็น 30 โครงการ มีผู้ค้ากว่า 9,465 แผง อัตราค่าเช่าแผงละ 3157 บาทต่อเดือน เท่ากับว่า ใน 1 เดือน การรถไฟมีรายได้ที่เป็นค่าเช่าจากตลาดแห่งนี้ ราว 29 ล้านบาท
แต่จากข้อมูลที่สปริงนิวส์ได้รับการร้องเรียน พบว่า ภายในตลาดนัดจตุจักรเอง กลับมีเงินหมุนเวียนที่เกิดจากการปล่อยให้เช่าช่วงแผงค้า ที่ราคาต่ำสุด อยู่ที่แผงละ 3 หมื่นบาท แต่หากบ้างร้านทำเลดีจะมีราคาเช่าช่วงสูงถึง 1 แสน 1 หมื่นบาทต่อเดือน
ซึ่งตัวอย่างสัญญาเช่าช่วงที่การรถไฟตรวจ พบว่า เจ้าของแผงตัวจริง ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนให้ผู้เช่าช่วง และเขียนรายละเอียดสัญญาการเช่าด้วยลายมือตัวเอง และลงนามรับรองสำเนาแบบเป็นที่รู้กันของสองฝ่าย
หากลองนำราคา 3 หมื่นบาทที่ต่ำสุดที่มีการปล่อยเช่าช่วง คูณกับจำนวนแผงในโครงการ จะพบว่ามีเงินหมุนเวียนอยูในตลาด กว่า 28 ล้านบาทต่อเดือน แต่หากเช่าช่วง 1 แสนบาท จะมีเงินหมุนเวียนเกิดขึ้นในตลาดจตุจักร เกือบ 1 พันล้านบาทต่อเดือน
รักษาการหัวหน้าสำนักงานบริหารพื้นที่ตลาดจตุจักร ยอมรับว่า รับทราบปัญหาภายในตลาดที่เกิดขึ้น แต่ด้วยจำนวนบุคลากรที่มีจำกัด จึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญในแก้ปัญหา โดยแนวทางหนึ่ง คือ เร่งติดตามค่าเช่าที่ค้างจ่าย จากนั้นทำการตรวจสอบปัญหาเช่าช่วง หากพบ จะดำเนินตามกฏหมาย และเปิดประมูลผู้ค้ารายใหม่ทันที
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนมือรับช่วงต่อ ของผู้ค้าที่ไม่ใช่ผู้ค้าที่ได้รับสิทธิ์ตัวจริง เป็นปัญหาเก่าที่เรื้อรังมานานของตลาดนัดจตุจักร มาตั้งแต่กรุงเทพมหานครบริหาร เรียกว่าเป็นมรดกของปัญหา ตกทอดมาถึงการรรถไฟ ที่ยังไม่มีวันหมดไป ที่สังคมต้องตั้งคำถามว่า แก้ไม่ได้ หรือ ใครที่ได้รับประโยชน์กับปัญหานี้กันแน่ ?