ว่อนโซเชียล! คลิปนายก อบต. ตบ ผู้ใหญ่บ้านอ่างทอง หลังขัดแย้งพื้นที่กางเต็นท์หนีน้ำท่วม (มีคลิป)

ชมคลิป

นี่คือคลิปภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทจนมีการลงไม้ลงมือกัน ที่ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อว่า “ Somyo Prasongsri ” นำมาแชรและถูกวิจารณ์เป็นวงกว้าง โดยคลิปดังกล่าวมีการระบุว่าเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่าง นางกุลฟาลี เทพรักษ์ นายก อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กับชาวบ้านที่กางเต็นท์หนีน้ำท่วม บริเวณถนนใกล้ศูนย์เด็กเล็ก อบต.โผงเผง ซึ่งมีทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านกว่า 10 คน เกิดการโต้เถียงกัน ก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นนางกุลฟารี จะตบหน้าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าและเกิดการชุลมุนกันขึ้นก่อนที่จะมีคนเข้าไปห้ามปราม โดยมีความยาวประมาณ 2 นาที

ขณะที่ผู้โพสต์ระบุข้อความบรรยาคลิปว่า “เป็น นายก อบต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เอาอำนาจมาไล่ประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมมาอาศัยบนทางถนน ได้ปะทะกับชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านโผงเผง มันไม่สมควร มาชี้ด่ากระผมและชาวบ้านเขตติดต่อกัน(บางชะนี บางบาล )ไล่ออกไปอยู่ที่อื่น นายกบอกว่า ถนนที่นี่ของเขตกู กูไม่ให้อยู่ที่นี่ ให้ย้ายให้หมด นายกฯมีอการเมาสุรามาด้วย นายกฯนิสัยแบบนี้ไม่สมควรเป็นนายก อบต.เลย ใช้อำนาจทีผิดๆผมจะรายงานไปมหาดไทยให้รับทราบเรื่องนี้ ชาวบ้านเดือดร้อนยังมาขับไล่แบบนี้เป็นนายก อบต.ได้ไง แล้วดื่มสุรามาอีก

ผู้สื่อข่าวพยายามโทรสอบถามไปยังนางกุลฟารี เทพรักษ์ นายก อบต.ดผงเผง ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ แต่จากการสอบถามผู้ที่ทราบเหตุการณ์ทราบว่า เหตุเกิดเมื่อ 1-2 วันก่อน ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบางบาลได้อพยพหนีน้ำท่วมมาอาศัยอยู่บริเวณถนนเขตรอยต่อ ต.โผงเผง กับ ต.บางชะนี อ.บางบาล โดยได้ขออนุญาตจากทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.โผงเผงและเจ้าอาวาสวัดถนน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของวัด

แต่เมื่อนางกุลฟารีเดินทางมาดูแนวคันกั้นน้ำกับลูกน้องมาถึงบริเวณดังกล่าวแล้วเกิดการต่อว่าจนเกิดการโต้เถียงก่อนที่จะมีการทะเลาะวิวาทตามคลิป จนมีคนมาห้ามและแยกกันออกไป โดยเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายต่างเข้าแจ้งความที่ สภ.ป่าโมกเพื่อดำเนินคดีกันแล้ว

ด้านนายไพบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอป่าโมก เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและอยู่ระหว่างการสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยนายก อบต.คนดังกล่าวเคยมีเรื่องถูกร้องเรียนเรื่องการดื่มสุราซึ่งก็ได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้วแต่ยังไม่มีผลการพิจารณาลงมาแต่อย่างใด ส่วนกรณีนี้คงต้องรอให้ข้อเท็จจริงปรากฏก็จะดำเนินการต่อไป