ราคาสินค้าเกษตรดิ่ง! สวนทางเศรษฐกิจโต

ราคาสินค้าเกษตรสำคัญทั้งข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ปรับลดลง ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย จีดีพีภาคเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-4 ตามผลผลิตที่มากขึ้น

นายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย บอกว่า ในเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน ที่ผ่านมา แนวโน้มราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาขายได้ปรับลดลง โดยข้าวเปลือกเจ้าราคาตันละ 7,800-8,500 บาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียงตันละ 7,500-7,700 บาท และหากความชื้นสูงขึ้น ราคาก็ลดลงตามไปด้วย เหลือตันละ 5,800-6,000 บาท ขณะที่ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคายังคงแกว่งตัวเฉลี่ยที่ตันละ 9,500-12,000 บาท จึงต้องจับตาดูผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวหลังน้ำท่วม ในช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ด้วย

ขณะที่ราคายางพารา นายอุดม อมยิ้ม ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จ.เชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า ราคายางในพื้นที่ตกต่ำมาก โดยส่วนใหญ่เป็นยางก้อนถ้วย หรือ ยางแห้ง ราคากิโลกรัมละ 27.75 บาท ส่วนยางเปียกราคากิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งเกษตรกรที่เดือดร้อนมากจำเป็นต้องขายออกไป เช่นเดียวกับนายวิรัตน์ อันตรัตน์ ประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง จ.ตรัง ที่ระบุว่า ราคานํ้ายางสดที่เกษตรกรในพื้นที่ขายได้เวลานี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 39 บาท และยางแผ่นรมควันกิโลกรัมละ 45 บาท ซึ่งถือเป็นราคา ตํ่าสุดในรอบปีนี้

ด้านนายวชิระ ถนัดค้า เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 1.80 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตํ่ากว่าต้นทุนที่เฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 1.90บาท แม้ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์จะขอให้โรงงานแป้งมัน และโรงงานเอทานอล เข้ามาช่วยรับซื้อแต่ได้รับความร่วมมือน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่หันไปซื้อสินค้าจากกัมพูชา และลาว

นายสมประวิณ มันประเสริฐ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ราคาสินค้าเกษตรในช่วงนี้ อาจลดลงบ้างเมื่อเทียบกับต้นปี 2560 เพราะผลผลิตออกมามาก แต่ราคาก็ไม่ได้ลดมากจนน่าตกใจ จึงมองว่ากระทบรายได้เกษตรกรเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก.ปรับตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตร หรือจีดีพีภาคเกษตร ปีนี้ จะขยายตัวดีขึ้นร้อยละ 3-4 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 2.5-3 แม้ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการลดลง แต่ผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกรายการ ทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น