ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของประเทศ มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเดงกีสามารถติดต่อกันโดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่สำคัญคือ แหล่งน้ำขังต่างๆ โดยเฉพาะภาชนะที่เก็บน้ำกินน้ำใช้ การป้องกันสามารถทำได้หลายวิธี และวิธีหนึ่ง คือการใส่ทรายกำจัดลูกน้ำ หรือที่รู้จักและเรียกกันติดปากว่า “ทรายอะเบท” เป็นทรายที่มีการเคลือบ ด้วยสารกำจัดแมลงทีมีฟอส (temephos) ลงในแหล่งน้ำเพื่อกำจัดลูกน้ำยุง ซึ่งสารทีมีฟอสเป็นสารเคมีกำจัดแมลง ชนิดออร์กาโนฟอสเฟต มีกลิ่นเหม็น สลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกแดดหรือความร้อน มีความเป็นพิษต่ำต่อคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่มีความเป็นพิษสูงต่อลูกน้ำยุง ริ้น แมลงวันฝอยทราย แมลงหวี่ขน แมลงวันริ้นดำ เหา และสัตว์ปีก
ทรายกำจัดลูกน้ำ จัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ทางสาธารณสุขชนิดที่ 3 ผู้ประกอบการต้องขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์และขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนทำการผลิต นำเข้า หรือส่งออกและต้องมีการแสดงเลขทะเบียนวัตถุอันตรายและฉลากตามที่กฎหมายกำหนดไว้ นายแพทย์สุขุม กล่าวต่ออีกว่า จะต้องใช้ในอัตราส่วนที่ถูกต้อง จึงจะกำจัดลูกน้ำยุงได้ ทั้งนี้จะต้องใช้งานตามวิธีใช้ที่ระบุในฉลาก เช่น ทรายกำจัดลูกน้ำยุงสูตรที่มีทีมีฟอส 1% โดยน้ำหนัก เวลาใช้จะต้องนำไปใส่ในน้ำที่อัตราส่วนทรายอะเบท 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร หรือถ้าใช้สูตรที่มีทีมีฟอส 2% โดยน้ำหนัก ให้ใช้ในอัตราส่วน 0.5 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร โดยจะออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทและการหายใจของลูกน้ำยุงภายใน 1 ชั่วโมง ออกฤทธิ์อยู่ได้นาน 3 เดือน ซึ่งอัตราส่วนต่อปริมาณน้ำ การเก็บรักษา วันหมดอายุ และวิธีการใช้เหล่านี้มีความสำคัญ ต่อคุณภาพของทรายกำจัดลูกน้ำ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำและคำเตือนเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น ถูกผิวหนัง ต้องล้างออกด้วยน้ำสบู่ ถ้าเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออกแล้วเปลี่ยนใหม่ทันที หากเข้าตาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จนอาการระคายเคืองทุเลาลง หากกลืนกิน ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำ 2 แก้ว แล้วรีบนำส่งแพทย์ทันที นอกจากนี้สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่จะนำทรายกำจัดลูกน้ำยุงไปแจกจ่ายให้กับประชาชนจะต้องมีการให้ความรู้เรื่องการใช้ที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดลูกน้ำยุง