svasdssvasds

"Gistda" เร่งตรวจสอบวัตถุปริศนาระเบิดกลางอวกาศ คาด 1 สัปดาห์รู้เป็นของปท.ใด

"Gistda" เร่งตรวจสอบวัตถุปริศนาระเบิดกลางอวกาศ คาด 1 สัปดาห์รู้เป็นของปท.ใด

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (Gistda) รุดตรวจสอบวัตถุปริศนาระเบิดกลางอากาศชายแดนไทย-ลาว เผยมั่นใจเป็นชิ้นส่วนจรวดนำส่งดาวเทียมแต่ยังไม่ยืนยันว่า เป็นของใคร คาด 1 อาทิตย์ รู้ผล

วันนี้(16 พ.ย.) นายบุญชุบ บุ้งทอง ผู้อำนวยการสำนักปฎิบัติการดาวเทียม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (Gistda) พ.ต.ท.พงษ์พิเชษฐ์ นิลจันทร์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.โขงเจียมพร้อมเจ้าหน้าที่วิศวกร Gistda เข้าตรวจสอบวัตถุปริศนาที่ระเบิดกลางอากาศชายแดนไทย-ลาว เสียงดัง ได้ยินเป็นบริเวณกว้างหลายอำเภอของ จ.อุบลราชธานี จนกระทั่งรุ่งเช้าพบเศษโลหะเนื้อดีกระจายเกลื่อนพื้นที่ 4 หมู่บ้านของตำบลนาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เหตุเกิดเมื่อ รุ่งเช้าวันที่ 15 พ.ย.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

"Gistda" เร่งตรวจสอบวัตถุปริศนาระเบิดกลางอวกาศ คาด 1 สัปดาห์รู้เป็นของปท.ใด

ความคืบหน้าล่าสุด นายบุญชุบ บุ้งทอง ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการดาวเทียม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ กรุงเทพมหานคร พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบชิ้นส่วนที่พบวานนี้ และที่พบใหม่เพิ่มเติมในวันนี้อีก 2 ชิ้น โดย 2 ชิ้น หลังมีความใหญ่และยาวกว่าที่พบเมื่อวาน โดยชิ้นที่ยาวที่สุดมีความยาวถึง 6 เมตร

โดยจากการตรวจสอบนายบุญชุบกล่าวว่า วัตถุที่พบมั่นใจว่าจะเป็นชิ้นส่วนของจรวดใช้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรในชั้นอวกาศ โดยเป็นส่วนของตัวจรวดและถังบรรจุเชื้อเพลิง สำหรับการตกของจรวดลูกนี้ คาดว่ายังไม่ออกไปนอกโลก แต่อยู่ในระดับความสูงไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร เมื่อตัวจรวดตกกลับลงมาด้วยความเร็ว จะเกิดแรงเสียดทานกับอากาศ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ และเกิดเสียงจากแรงกระแทกในรูปแบบของโซนิกบูม เสียงดังที่ได้ยิน จึงไม่ใช่เกิดจากการระเบิด แต่เกิดจากแรงกระแทกของวัตถุกับอากาศ ก่อนแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ

"Gistda" เร่งตรวจสอบวัตถุปริศนาระเบิดกลางอวกาศ คาด 1 สัปดาห์รู้เป็นของปท.ใด

สำหรับข้อสงสัยสิ่งที่บรรจุกับตัวจรวดจะมีกัมมันตรังสีหรือไม่ เชื่อว่าไม่มี เพราะเชื้อเพลิงของจรวดที่เป็นไฮโดเจนและออกซิเจนเหลว และยังระบุไม่ได้ว่าเป็นจรวดใช้ส่งยานอวกาศของชาติใด ต้องตรวจสอบไปยังองค์การสหประชาชาติ ที่จะมีบันทึกรายละเอียดของการส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรของชาติต่างๆ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของไทย ก็ได้ประสานขอทราบรายละเอียดถึงทิศทางและวันเวลาที่มีการนำจรวดขึ้นสู่วงโคจรไปแล้ว คาดจะทราบว่าจรวดที่ตกลงมานี้เป็นของชาติใดราว 1 สัปดาห์ข้างหน้า

เบื้องต้นการตกลงมาของชิ้นส่วนจรวดนี้ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายให้กับบ้านเรือนหรือตัวของประชาชน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ชาติที่เป็นเจ้าของจรวดดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ

นายบุญชุบ กล่าวอีกว่า ขอแนะนำประชาชน ถ้าพบเห็นวัตถุสิ่งแปลกปลอมตกลงมาจากชั้นบรรยากาศของโลก ไม่ควรเก็บไว้เอง ควรนำส่งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจหาแหล่งที่มาของวัตถุนั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเส้นทางของจรวดแต่ละลูกด้วย สำหรับเศษซากจรวดที่ชาวบ้านนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ นายบุญชุบได้คัดเลือกนำไปวิเคราะห์หาที่มาเป็นบางส่วน และอีกส่วนได้ให้สถานีตำรวจ อ.โขงเจียม เก็บรักษา เพื่อรอส่งมอบคืนให้กับประเทศที่เป็นเจ้าของต่อไป

related