[caption id="attachment_184838" align="aligncenter" width="798"]
กัปตันแดเนียล ฮอลล์ นักบินประจำเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ ในวัย 30 ปี กล่าวว่า กว่าจะได้เป็นนักบินอาปาเช่ ต้องผ่านการฝึกที่ทรหด อดทน เพื่อให้สมกับที่เป็นชายชาติทหาร แต่นั่นเป็นเรื่องของกาย แต่เรื่องของจิตใจนั้น มันคนละส่วนกัน เพราะคู่ชีวิตของกัปตันแดเนียลคือ นักบินประจำเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่เช่นกัน แต่เป็นรุ่นน้อง เขาคือ กัปตันวินเซนต์ ฟรานชิโน ในวัย 26 ปี [ซ้าย - กัปตันวินเซนต์ ฟรานชิโน ขวา - กัปตันแดเนียล ฮอลล์][/caption]
[caption id="attachment_184843" align="aligncenter" width="805"]
ทั้งคู่รู้จักกันในเดือนสิงหาคม ปี 2009 ในกิจกรรมรับน้องของโรงเรียนนายร้อย ทำให้ทั้งสองมาเจอกันและทำกิจกรรมรับน้องร่วมกัน จนต่างคนต่างประทับใจกัน แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ หลังจากรับน้องวันนั้น ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป แต่ด้วยพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่ มกราคม 2010 ทั้งสองได้กลับมาเจอกัน และเป็นคู่หูกันตามหลักสูตร “พี่เทรนน้อง” ที่รุ่นพี่ต้องสอนและดูแลรุ่นน้องในสาขาวิชาเดียวกัน ความผูกพันธ์มีมากขึ้น แต่ยังคงต้องปกปิดภายใต้นโยบาย Don’t Ask, Don’t Tell ที่บังคับใช้ในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน เมื่อปี ค.ศ. 1993[/caption]
[caption id="attachment_184846" align="aligncenter" width="814"]
Don't ask, Don't tell คือ นโยบายห้ามถาม ห้ามบอก เป็นนโยบายที่ห้ามบุคคลในราชการทหารเปิดเผยลักษณะรสนิยมทางเพศโดยการพูดหรือเปิดเผยถึงความสัมพันธ์รักร่วมเพศ หากฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกโดยไม่มีการสอบสวน ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีสิทธิ์ถาม ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่มีสิทธิ์บอก ดังนั้น ก็จะไม่เกิดการเอาผิดทางวินัยใดๆเกิดขึ้น แรกๆที่นโยบายนี้ถูกนำมาใช้ มีการประท้วงเรียกร้องจากประชาชนและนักการเมือง เพราะเห็นว่า ทหารที่ออกรบ ยอมเสียสละชีพเพื่อชาติ ก็ควรจะได้รับเกียรติจากชาติที่ตนปกป้องเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ กัปตันแดเนียลและกัปตันวินเซนต์จึงเลือกที่จะปิดบังความสัมพันธ์เป็นความลับ เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว[/caption]
[caption id="attachment_184847" align="aligncenter" width="816"]
แต่แล้วนโยบาย Don't ask, Don't tell ก็ถูกยกเลิกในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2011 ครอบครัวของกัปตันวินเซนต์เปิดเผยในภายหลังว่า กัปตันวินเซนต์โพสต์แทบจะทุกอย่างลงบน Facebook ทั้งรูปภาพ ข้อความ เพลง ที่แสดงถึงความรักที่กำลังมีเต็มเปี่ยมในใจ ซึ่งครอบครัวของทั้งสองก็รับรู้และยินดีที่มีเรื่องราวความรักเช่นนี้เกิดขึ้น ครอบครัวของกัปตันวินเซนต์บอกว่า วินเซนต์ดูร่าเริงมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน[/caption]
[caption id="attachment_184848" align="aligncenter" width="824"]
ทั้งสองเดทกันครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 และปฏิบัติเหมือนคู่รักทั่วไป เช่น จับมือกันในที่สาธารณะ แต่ก็ถูกสายตาผู้คนมองด้วยความฉงนสงสัย แต่ด้วยภารกิจในหน้าที่ทหารหาญ ทำให้ต้องอยู่ไกลกันคนละประเทศ ทั้งสองจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ แต่คนที่ถูกลิขิตมาให้คู่กัน ยังไงก็ต้องคู่กัน ทั้งสองกลับมาพบกันอีกครั้งในปลายปี 2012 จากนั้นมาแม้จะต้องไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติยังต่างประเทศ แทบจะไม่ได้เจอกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่จบลง[/caption]
[caption id="attachment_184849" align="aligncenter" width="821"]
3 ปี ผ่านไป ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน งานแต่งงานมีขึ้นอย่างสมเกียรติเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา มีพิธีเดินลอดซุ้มกระบี่ ณ โบสถ์ของโรงเรียนนายร้อย U.S. Military Academy ในเมืองเวสต์พอยท์ มหานครนิวยอร์ก นับเป็นนายทหารคู่รักเพศเดียวกันคู่แรกที่แต่งงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวที่สุดในวงการทหารหาญอเมริกัน[/caption]
[caption id="attachment_184850" align="aligncenter" width="815"]
ในพิธีแต่งงานนั้นมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่และเพื่อนทหารมาร่วมงานนับร้อยคนเต็มพื้นที่โบสถ์ และทหารทุกนายมาในชุดเครื่องแบบเต็มยศ เป็นการบ่งบอกถึงการให้เกียรติในความรักชาติของกัปตันแดเนียลและกัปตันวินเซนต์ในการปฏิบัติภารกิจด้วยความรับผิดชอบเสมอมา รวมถึงให้เกียรติในความรักที่ทั้งสองมีให้กัน[/caption]
[caption id="attachment_184851" align="aligncenter" width="820"]
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ภาพสวยๆจาก nytimes.com | https://mobile.nytimes.com/2018/01/19/fashion/weddings/two-active-duty-soldiers-marry-in-same-sex-wedding-at-west-point.html[/caption]