จากสภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ เข้าสู่ภาวะเป็นอันตรายต่อสุขภาพจากปรากฎการณ์สภาพอากาศนิ่ง จนส่งผลให้มลพิษทางอากาศเพิ่มสูงขึ้น โดย นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ชี้แจงว่า ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศของ กทม. เกินมาตรฐานจริง แต่ไม่ได้เกินถึงขั้นวิกฤต ขณะนี้อยู่ในเกณฑ์สีส้ม แต่ก็เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ หลายคนอาจมีอาการภูมิแพ้ แนะใส่หน้ากากป้องกันเมื่อต้องอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมภายนอกอาคาร
การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยให้มีคุณภาพได้มาตรฐานนั้นควรเลือกหน้ากากอนามัยชนิด 3 ชั้น ที่มีประสิทธิภาพการกรองได้ไม่น้อยกว่า 95% ของอนุภาคขนาด 3 ไมครอน
สำหรับหน้ากากอนามัยนั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่ชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ หน้ากากอนามัยแบบ N95 ซึ่งหน้ากากชนิดนี้จะมีความแตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบที่ทำจากเยื่อกระดาษ หน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าฝ้าย ที่สามารถกรองได้ละเอียดขนาดเล็กมากๆได้
โดยหน้ากากชนิดเยื่อกระดาษ สามารถกรองอนุภาคขนาด 1-5 ไมครอน ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 คาร์บอนไดออกไซด์,คาร์บอนมอนอกไซด์,ซัลเฟอร์ไดออกไซด์,ไฮโดรคาร์บอน,ละอองตะกั่ว,หมอกควัน,ไอระเหยอินทรีย์,สารพวกHAPs แต่ ไม่สามารถป้องกันเชื้อที่มีอนุภาคเล็กมากในระดับไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ จะสามารถกรองเชื้อแบคทีเรีย ขนาดอนุภาคเฉลี่ย 3 ไมครอน ได้มากกว่า 95% โดยใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และฝุ่นละอองที่กระจายอยู่ในอากาศ ราคาก็จะถูกลงกว่าชนิดแรก
โดยขณะนี้ กรุงเทพ และปริมณฑลหลายพื้นที่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่นละเอียด PM 2.5 ไมครอน เกินค่ามาตรฐาน การใช้หน้ากากอนามัยในแบบแรกจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองในอากาศได้ดีกว่า