svasdssvasds

ป.ป.ง.คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ป.ป.ง.คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

ป.ป.ง.ร่วมกับธนาคารพาณิชย์คืนเงินที่อายัดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับผู้เสียหาย 16 ราย จำนวนเงินกว่า 3,200,000 บาท

พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเลกทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รับมอบเงินคืนของผู้เสียหายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สามารถยับยั้งไว้ได้ก่อนมีการถอนออก จากนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เพื่อส่งมอบเงินคืนให้กับผู้เสียหาย 16 คน ใน 16 พื้นที่สถานีตำรวจ รวมมูลค่า 3,210,000 บาท โดยในจำนวนผู้เสียหายมีผู้สูงอายุ 2 คน และเจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินคืนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เต็มจำนวน 8 คน เนื่องจากผู้เสียหายแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ทันที ที่ทราบว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ป.ป.ง.คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ด้านนายพีระพัฒน์ เปิดเผยว่า หากประชาชนท่านใด ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวง ให้รีบแจ้งมายังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินและบัญชีได้ทัน ผ่านหมายเลขสายด่วน 1710 และ ยังเตือนประชาชนอีกด้วยว่า คนร้ายได้ปรับเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยสร้างไอดีไลน์ปลอมของ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทน เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินขึ้นมา ก่อนจะทักไปคุยกับเหยื่อ ซึ่งอย่าไปหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกันคนร้าย ยังมีการปลอมแปลงหมายศาลส่งให้กับประชาชน โดยอ้างว่า ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หรือ การฟอกเงิน จากนั้นจะหลอกถามข้อมูลส่วนตัว หากผู้เสียหายต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จะต้องนำหลักฐาน เช่น โฉนดที่ดิน บ้าน รถ สมุดบัญชีธนาคาร ส่งมาให้ตรวจสอบ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวยินยอมส่งข้อมูล และ ทรัพย์สินให้ จากนั้นคนร้ายจะหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่า เป็นค่าไกล่เกลี่ยคดีความ

ป.ป.ง.คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สำหรับการส่งมอบเงินของผู้เสียหายบางส่วนที่สามารถอายัดจากการถอนของมิจฉาชีพได้ แบ่งเป็น รอบที่ 1 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 1,494,329 บาท และ รอบที่ 2 วันที่ 12 มกราคม 2561 จำนวน 5 ราย เป็นเงิน 316,010 บาท รวม 3 รอบ เป็นเงิน 3,291,887 บาท

อย่างไรก็ตาม สถิติตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีผู้แจ้งผ่านสายด่วน ป.ป.ง. 1710 ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 จนถึงปัจจุบัน (1 ก.พ.61) มีผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงิน จำนวน 210 ราย เหตุเกิดแล้วรีบแจ้ง 88 ราย เหตุเกิดแล้วแจ้งภายหลัง 122 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 81,517,259.53 บาท สามารถยับยั้งและช่วยเหลือได้จำนวน 33 ราย มูลค่ารวม 15,189,532.08 บาท

related