สธ.เผยอัตราโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่ม เหตุเร่งกำจัดเชื้อพ้นประเทศ

วันที่ 7 มี.ค.61 นสพ.พรพิทักษ์ พันธ์หล้า หัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซดด์ ไทยแลนด์ ถึงกรณีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ว่า เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศตามพันธะสัญญาองค์การอนามัยโลกภายในปี 2563 เพราะฉะนั้นมาตรการระหว่างนี้คือจะต้องเร่งดำเนินการทั้งฝั่งคนและสัตว์ เพื่อจะให้ตัวเลขเป็นศูนย์ตามพันธะสัญญา

เพราะฉะนั้นการค้นหาเพื่อการป้องกันจะไม่ใช่แค่การรอเหมือนในสมัยก่อน โดยจะค้นลงไปในเชิงลึก โดยเฉพาะในสัตว์ กล่าวคือ สัตว์นำโลกทุดตัวมีความเสี่ยงจึงจะต้องมีการประเมินในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงตื่นตัวมากขึ้น ตัวเลขจึงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ สัตว์ติดเชื้อไม่ได้มีแค่สุนัขและแมวอย่างเดียว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดก็สามารถติดเชื้อได้ อย่างในบางประเทศไม่พบการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยง แต่กลับพบในสัตว์ป่า อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจพบว่า มีการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าในแรคคูน และค้างคาว

ขณะที่ในประเทศไทยมีรายงานข้อมูลจากศูนย์ร่วมมือพิษสุนัขบ้า ว่าพบต้นทางการติดเชื้อจากสุนัขและแมวมาสู่คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อ 2-3ปีที่ผ่านมา จะมุ่งเน้นการตรวจเชื้อจากสุนัขจรจัด กระทั่งเมื่อ 2560 ที่ผ่านมา พบว่า อัตราส่วนการติดเชื้อในสุนัขเลี้ยงมากขึ้น 54 %

สุนัขจรจัด 38 % และ ที่เหลือยังไม่สามารถระบุได้

อย่างไรก็ตาม การกำจัดโรคดังกล่าวให้หมดไปประเทศไทยนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ เจ้าของสัตว์จะต้องพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน ข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันค้นหาสัตว์ตามถิ่นต่างๆเพื่อเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันในสัตว์ต่อไป