จับตา! โรคระบาดในฟาร์มหมูจีน กระทบราคาเนื้อหมูทั่วโลกจ่อพุ่ง

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ หรือ (African Swine Fever) ASF  กำลังทำลายอุตสาหกรรมเนื้อหมูของจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยธนาคารโรโบแบงค์ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ของภาคการเกษตรทั่วโลก คาดการณ์ว่า ประชากรหมูของจีนจะหดตัวลงถึงหนึ่งในสามภายในปีนี้ หรือราว 200 ล้านตัว เพราะหมูล้มตายและต้องถูกกำจัดจากการติดเชื้อ จำนวนนี้เทียบเท่ากับจำนวนหมูของสหรัฐฯและยุโรปรวมกันเลยทีเดียว

เชื้อไวรัสเอเอสเอฟนั้นไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่สามารถทำให้หมูตายได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาใด เชื้อดังกล่าวมีที่มาจากทวีปแอฟริกา และเริ่มแพร่ระบาดในยุโรปตะวันออก ตามมาด้วยรัสเซีย ก่อนที่จะเข้าสู่จีน ในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และกระจายไปยังประเทศเอเชียอื่นๆเช่น เวียดนาม และกัมพูชา

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศว่า สามารถควบคุมเชื้อเอเอสเอฟได้ และเชื้อไม่แพร่กระจายเร็วแล้ว

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรจีนระบุว่ากับสถานีข่าวซีเอ็นเอ็นว่า สถานการณ์ระบาดดูเหมือนจะรุนแรงกว่าที่ทางการประเมิน เพราะในฟาร์มหมูตามชนบท มีการตรวจสอบเชื้อในเบื้องต้นแล้วไม่พบ แต่ต่อมาหมูในฟาร์มเหล่านั้นกลับตายเกือบหมด ในขณะที่บางรายระบุว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกลัวว่าจะถูกลงโทษจึงปกปิดข้อมูลที่แท้จริงไม่ให้รัฐบาลกลางรับทราบ

ด้านายวินเซนต์ มาร์ติน ผู้แทนขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติประจำจีนระบุว่า ปัญหาหลักที่จีนกำลังเผชิญก็คือการควบคุมเชื้อเอเอสเอฟ เพราะอุตสาหกรรมหมูจีนนั้นกระจัดกระจาย มีฟาร์มหมูขนาดเล็กหลายพันแห่งซึ่งอาจไม่ผ่านการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ยังมีความซับซ้อนคือ เชื้อเอเอสเอฟนี้สามารถอยู่รอดในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมูได้หลายเดือน จึงทำให้มีโอกาสที่เชื้อจะกลับเข้าไปสู่ฝูงสัตวโดยไม่ตั้งใจได้

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า สถานการณ์นี้ไม่ได้กระทบเพียงแค่ผู้ประกอบการจีนเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับกว้างด้วย เพราะจีนคือตลาดผู้บริโภคเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยประชากรราว 1400 ล้านคน รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่า ราคาเนื้อหมูนั้นอาจเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพราะอุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน

นักวิเคราะห์ยังระบุว่าด้วยว่า โลกนี้ไม่มีเนื้อหมูที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดจีน ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคต้องหันไปซื้อเนื้อชนิดอื่นทดแทน ขณะที่รายงานของธนาคารโรโบแบงค์คาดการณ์ว่า จะเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานสินค้าโปรตีนจะพากันหันเหไปที่จีนเพื่อทดแทนเนื้อหมูที่ขาดตลาด และจะทำให้ราคาสินค้าโปรตีนของโลกสูงขึ้นตามมา

ทั้งนี้ ผู้ผลิตเนื้อหมูในยุโรปและสหรัฐฯเริ่มส่งสินค้าไปที่จีนแล้ว แม้ว่าสินค้าจากสหรัฐฯจะเผชิญภาษีที่เพิ่มสูงขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯก็ตาม