วิษณุประชุมด่วน "ราชการ-เอกชน" ผ่าทางตันพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว จ่อชง "บิ๊กตู่" ใช้ม.44 ผ่อนปรน

การบังคับใช้ 120 วัน ให้เวลานายจ้าง-ลูกจ้างปรับตัวเข้าเกณฑ์ใหม่ให้ถูกต้อง ตัวแทนกกร.ชี้เคลียร์อีกปม แรงงานต่างด้าวได้เงินชดเชยสูงกว่าแรงงานไทย

วันที่ 2 ก.ค.60--ปัญหาการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ที่บังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา สร้างความแตกตื่นแก่นายจ้างทั่วประเทศ เพราะการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายใหม่มีโทษปรับอัตราสูงถึง 8 แสนบาทต่อคน จนอาจกระทบหลายส่วน ภาคเอกชนเดิน สายยื่นหนังสือขอให้เลื่อนการบังคับใช้และลดอัตราโทษลงนั้น

ล่าสุด เช้าวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีแรงงาน ประชุมร่วมกับข้าราชการแรงงาน และตัวแทนภาคเอกชน เพื่อหาทางออกของปัญหาดังกล่าว หลังการประชุมนายวิษณุ แถลงว่า ข้อเสนอให้ตั้งศูนย์จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีกครั้งนั้นทำไม่ได้ เพราะขัดต่อบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)ที่มีกับประเทศเพื่อนบ้าน พันธะสัญญาไอยูยู และจะทำให้แรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาอีก 

ที่ประชุมเห็นร่วมกันให้ใช้คำสั่งม.44 ผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายออกไป 120 วัน ในส่วนของม.101 102 และ 122 นับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยจะนำเข้าที่ประชุมคสช.เพื่อออกมาตรการดังกล่าวต่อไป เพื่อให้แรงงานต่างด้าวมีระยะเวลาในการทยอยดำเนินการขอใบอนุญาตให้ถูกต้องและไม่กระทบภาคธุรกิจ โดยกรณีดังกล่าวยกเว้นความผิดฐานค้ามนุษย์ 

นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาคเอกชนกังวลผลกระทบจากพ.ร.ก.ดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้อง 4 ข้อคือ 1.เปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฏหมายทั่วประเทศอีกครั้ง 2.ให้มีผู้แทนภาคเอกชน ในนามกกร. ร่วมเสนอแนะกฎหมายอนุบัญญัติ 39 ฉบับก่อนประกาศใช้ 3.ควรกำหนดกฎหมายอนุบัญญัติเฉพาะในการจ่ายค่าชดเชยแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ที่ได้สิทธิมากกว่าแรงงานไทย 4.เร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ และตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาแรงงาน  โดยหลังการหารือร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ภาครัฐเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการประกาศใช้กฎหมายเร็วเกินไป จนไม่ทันตั้งตัวเกิดปัญหาภาคปฏิบัติ และได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว 

ส่วนประเด็นเงินชดเชยที่แรงงานต่างด้าวจะได้รับเงินมากกว่าแรงงานไทย เพราะไปกำหนดให้จากที่ได้ใบอนุญาตทำงาน 2 ปี ต่อได้อีกรอบ เป็น 4 ปี จากนั้นต้องออกไปทำเรื่องกลับเข้ามาทำใหม่ โดยการหยุดจ้างครบรอบ 4 ปีนายจ้างต้องจ่ายชดเชย 6 เดือน หากทำงาน 8 ปีเท่ากับได้ชดเชย 12 เดือน ขณะที่แรงงานไทยได้ชดเชยแค่ 10 เดือน ผลหารือได้ข้อสรุปว่า กรณีแรงงานต่างด้าวทำงานครบ  4 ปี ต้องการทำงานต่อ ให้กลับไปทำพาสปอร์ตเดินเรื่องขอกลับเข้ามาทำงานใหม่อีกครั้งภายในกำหนด 30 วันนั้น ถือว่าอายุงานต่อเนื่องไม่ต้องจ่ายชดเชย  หรือหากเป็นกรณีลูกจ้างไม่ได้ทำข้อตกลงว่าจะทำงานต่อ เท่ากับลาออกเอง ก็ไม่ต้องจ่ายชดเชย

นายเจน  นำชัยศิริ  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ชะลอการบังคับใช้ต้องมีการแก้ไขวิธีการ  หรือกลไกทางด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องอำนวยความสะดวกให้นายจ้างสามารถนำลูกจ้างไปขึ้นทะเบียนได้โดยไม่ต้องมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโควตา  รวมถึงเรื่องระยะเวลาที่จะต้องใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ในเรื่องของเอกสาร  โดยปัญหาไม่ได้จบอยู่เพียงแค่ฝั่งไทยเท่านั้น เนื่องจากการยืนยันสัญชาติจะต้องไปขึ้นกับอีกประเทศหนึ่งด้วยว่าแรงงานจะมาจากกัมพูชา หรือเมียนมา  

“ส่วนใหญ่สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการก็คือเรื่องของบทเฉพาะกาลหรือช่วงผ่อนปรน  เพราะแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในปัจจุบันก็จะมีขั้นตอนในเรื่องของสัญญา  หรือใบอนุญาตของผู้ที่เข้ามาแล้ว  รวมถึงเรื่องการย้ายงานในบริษัทเดียวกัน  เรื่องดังกล่าวนี้ควรจะต้องมีการผ่อนผันหรือไม่ นอกจากนี้กระบวนการที่จะต้องไปเกี่ยวข้องกับต้นสังกัดของแรงงานเหล่านี้  จะทำอย่างไรให้เกิดความชัดเจน และสามารถที่จะเร่งรัดระยะเวลาได้ ซึ่งยากมากเพราะไม่ใช่ประเทศไทยจะทำอะไรได้เองโดยลำพัง  เพราะฉะนั้น จึงอยากจะฝากให้ภาครัฐเข้าใจ  และเห็นใจภาคเอกชนที่ต้องการจะทำให้ถูกกฎหมาย  แต่ยังมีปัญหาก็ต้องการให้มาช่วยกันแก้ปัญหา”

ด้านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เตรียมเปิดเวทีเสวนา “พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ปวงชนชาวไทยได้อะไร” ขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารกระทรวงแรง งาน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ ตัว แทนธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อคลี่คลายปัญหานี้