ก่อนปี 2573 เวียดนามห้ามใช้จยย.ในฮานอย 

วันที่ 6-7-60-รัฐบาลท้องถิ่นกรุงฮานอยของเวียดนาม ให้คำมั่นจะห้ามจักรยานยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2573 เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาการจราจรติดขัด  วิสัยทัศน์นี้สร้างความกังวลต่อประชาชน เพราะจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลักของกรุงฮานอยไปแล้ว 

กรุงฮานอยเมืองหลวงของเวียดนามขึ้นชื่อว่า เป็นดินแดนของจักรยานยนต์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเพื่อการสัญจร เดินทางไปทำงาน ขนส่ง อีกทั้งยังเป็นพาหนะประจำครอบครัวด้วย แต่ด้วยปริมาณการใช้จักรยานยนต์ที่แทบทุกบ้านต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคัน ส่งผลให้การจราจรในกรุงฮานอยติดขัดอย่างหนัก อีกทั้งยังขาดแคลนระบบขนส่งสาธารณะที่มาทดแทนได้  

ปัจจุบันมีจักรยานยนต์ในกรุงฮานอยมากกว่า 5 ล้านคัน ท่ามกลางประชากรที่มากถึง 7 ล้านคน ถือว่าสัดส่วนจักรยานยนต์ต่อหัวประชากรนั้นสูงมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีเพียง 5 แสนคันเท่านั้น  แต่การที่ประชาชนนิยมใช้จักรยานยนต์นั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นบาทต่อปีเท่านั้น ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อจักรยานยนต์ได้เท่านั้น  

แต่ด้วยการจราจรที่นับวันจะยิ่งติดขัดหนัก ทำให้วันนี้ รัฐบาลท้องถิ่นกรุงฮานอยให้คำมั่นว่า จะสั่งห้ามการใช้จักรยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2573 หรืออีก 13 ปีข้างหน้า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษ และแก้ปัญหาการจราจรติดขัด โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาเมือง 95 จาก 96 ที่นั่ง  

วิสัยทัศน์นี้ มีทั้งผู้สนับสนุนและต่อต้าน โดยผู้สนับสนุนมองว่า จักรยานยนต์นั้นก่อมลพิษอย่างมาก และเป็นตัวการของปัญหาจราจร ขณะที่ประชาชนที่ต่อต้านมองว่า จักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ดีที่สุด อีกทั้งยังตั้งคำถามว่า รัฐบาลท้องถิ่นจะจัดระบบขนส่งสาธารณะมาแทนที่ได้อย่างมีศักยภาพหรือไม่ เพราะกรุงฮานอย ไม่มีระบบรถไฟฟ้า มีรถโดยสารประจำทางครอบคลุมเพียง 12 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการ ส่วนแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสกายเทรนชะลอมาแล้วหลายครั้ง  

มาตรการสั่งห้ามจักรยานยนต์จะเริ่มจากในเขตตัวเมือง ขณะเดียวกัน ก็จะเพิ่มระบบขนส่งสาธารณะควบคู่ไปด้วย โดยตั้งเป้าให้ระบบขนส่งครอบคลุมความต้องการของประชาชนให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลท้องถิ่นจะจัดระบบสังเกตการณ์คุณภาพอากาศ ด้วยเป้าหมายทำให้กรุงฮานอย เป็นเมืองสีเขียว และกระตุ้นประชาชนให้เห็นคุณค่าของวิถีชีวิตที่ดี