ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
"ประยุทธ์" แจง "นบข." กำหนดบริษัทติดแบล๊กลิสต์-ติดคดี ห้ามประมูลข้าว ไม่ทำในนามส่วนตัว ต้องทำในรูปแบบคณะกรรมการ
วันที่ 18 ก.ค.60- ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่กรมการค้าต่างประเทศอ้างชื่อในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) สั่งให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามเอกชนที่ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูลข้าวว่า การไปอ้างนายกฯ อ้างรัฐมนตรี มันไม่ได้หรอก เพราะเป็นมติของ นบข.ที่ตนเป็นประธานกรรมการ และมีอนุกรรมการอีกเยอะ การที่จะใช้กติกาจึงต้องออกมาโดย นบข.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
“ผมจำได้ว่าการประชุม นบข.ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการระบายข้าว มีการสอบถามว่าถ้ามีผู้เข้าร่วมประมูลที่ถูกขึ้นบัญชีดำเอาไว้จะให้เข้าร่วมประมูลหรือไม่ มติของ นขบ.ก็บอกว่าไม่ควรให้ประมูล อันนี้คือสิ่งที่เขามาหาว่าอ้างจากผม เมื่อเกิดการประมูลแล้วเขาตรวจสอบพบมันก็ไม่ได้ ถ้ามีบุคคลที่มีคดีความในช่วงที่ผ่าน แม้กระทั่งผ่านไป 5-10 ปี ก็ถือว่าอยู่ในบัญชีดำ เขาก็ตัดสิทธิออกไป แต่มาหาว่าผมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯไปตัดสิทธิ หรือมีเงินทอน พูดแบบนี้มันต้องพิจารณากันอีกที ผมไม่เคยทำอะไรเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว มันต้องทำในรูปแบบคณะกรรมการ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึง ฝ่ายการเมืองออกมาขยายข้อมูลเกี่ยวกับการขายข้าวครั้งนี้ ว่า ก็ต้องไปดูด้วยว่าข่าวที่ออกมาช่วงนี้ทำเพื่ออะไรหรือไม่ เพราะคดีความใกล้ตัดสินแล้ว โดยจะมีการเบิกความพยานนัดสุดท้ายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ฉะนั้นข่าวพวกนี้จะออกมาเยอะ ตอนนี้อย่าไปวุ่นวายเลย ให้กระบวนการของศาลนัดสุดท้ายจบก่อน แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาเราทำตามขั้นตอนทั้งหมด การพิสูจน์และการตรวจสอบก็ทำมาหลายครั้งแล้ว
“อย่ามาบอกว่าจะให้มาตรวจสอบอีก เพราะเราได้ตรวจสอบทุกขั้นตอน ตรวจสอบทางวิชาการ ตรวจสอบดีเอ็นเอ ตรวจสอบจากกระทรวงการคลัง ทำตามกระบวนการมาตลอด ต้องเห็นใจคนทำบ้าง จะมาเปรียบเทียบการตรวจคลังสมัยก่อนกับปัจจุบัน หรือตัดสิทธิเข้าประมูล มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เราจึงต้องดูว่าตัดสิทธิเรื่องอะไร หากเขามีคดีความและถูกขึ้นบัญชีดำ ก็ถือว่าไม่สมควรจะเข้ามาประมูล ซึ่งเป็นมติของ นบข.อยู่แล้ว”