svasdssvasds

พธม.สู้ต่อ! ยื่น "ป.ป.ช." อุทธรณ์คดียกฟ้อง  สลายชุมนุมปี2551             

พธม.สู้ต่อ! ยื่น "ป.ป.ช." อุทธรณ์คดียกฟ้อง  สลายชุมนุมปี2551             

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

วันที่ 4-8-60-ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กทม.ว่า  อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) รุ่นหนึ่งและรุ่นสอง  อาทิ นายพิภพ ธงไชย, นายประพันธ์ คูณมี, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ,​นายสุริยะใส กตศิลา อดีตผู้ประสานงานฯ พร้อมด้วยเครือข่ายผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ร่วมหารือหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายก และพวกรวม 4 คน คดีสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551                 

ภายหลังการหารือ  แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ กลุ่มพันธมิตรฯ ให้ความเคาพต่อคำพิพากษาของศาลฏีกาฯ แต่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และมีขัอขัดแย้งกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง, มติ ป.ป.ช. ชุดที่มีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน และมติของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธและใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่การสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่นั้นไม่ได้ปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสากล ดังนั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ควรใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา 

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า มติอดีตแกนนำพันธมิตรฯ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามการดำเนินคดีของ ป.ป.ช. ที่มีนายวีระ สมความคิด เป็นประธาน และในวันที่ 7 ส.ค. จะยื่นหนังสือต่อ กรรมการป.ป.ช. เพื่อให้พิจารณาประเด็นการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป  ทั้งนี้ จะติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป หากพบว่าการดำเนินงานไม่ให้ความยุติธรรมกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จะใช้ช่องทางตามกฎหมายเพื่อดำเนินการให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม 

นายประพันธ์กล่าวว่า  ประเด็นการเสนอรายละเอียดให้ ป.ป.ช.เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ว่าจะมีทั้งประเด็นข้อเท็จจริงใหม่ และทั้งข้อกฎหมาย โดยรายละเอียดต่อประเด็นข้อเท็จจริงใหม่ในเบื้องต้น อาทิ  การเบิกความของพยานฝ่ายจำเลย ที่ระบุว่าผู้ชุมนุมตะโกนปลุกปั่นให้ฆ่าคน ข้อเท็จจริงพบว่าเป็นการเบิกความของนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชนเพียงปากเดียว โดยไม่มีภาพวิดีโออ้างอิง ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บันทึกภาพและถ่ายทอดสดตลอดการชุมนุม ไม่ปรากฎว่าผู้ชุมนุมตะโกนปลุกปั่นด้วยถ้อยคำดังกล่าว, การชุมนุมที่ศาลพิพากษาอ้างว่าไม่สงบนั้น ข้อเท็จจริงที่เป็นมูลเหตุความไม่สงบ เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2551 ที่ให้ใช้กำลังเข้าขอพื้นที่จากผู้ชุมนุมที่รัฐสภา เป็นต้น 

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า ในข้อต่อสู้นั้นจะนำรายละเอียดของคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ สำนักนายกฯ ชำระค่าเสียหายของผู้เสียหาย มูลค่า 32 ล้านบาท ซึ่งชี้ชัดว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำเกินกว่าเหตุ และไม่เป็นไปตามหลักสากล รวมถึงรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อพฤติกรรมของรัฐบาลและการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเบื้องต้นด้วย ขณะที่การอุทธรณ์ที่ทำได้ส่วนของข้อกฎหมายนั้น เบื้องต้นตามที่ศาลฎีกาฯ ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สงบ และไม่เป็นไปตามพ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558  ทั้งที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ เกิดขึ้นก่อนที่มีกฎหมายฉบับดังกล่าว ดังนั้นจะนำมาตัดสินคดี จึงมีความไม่เหมาะสม 

"ที่ประชุมได้ประเมินท่าทีของ ป.ป.ช.ต่อการยื่นอุทธรณ์ในคดียกฟ้องการสลายการชุมนุมฯ ว่า อยู่ที่ครึ่งต่อครึ่ง แต่อย่างไรพันธมิตรฯ ยังเชื่อว่าข้อเท็จจริงที่เตรียมเสนอนั้นจะเป็นประเด็นที่ทำให้การยื่นอุทธรณ์นั้นทำได้ และหาก ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์แล้ว ทางกลุ่มเตรียมขอให้ผู้เสียหายจากเหตุการณ์เป็นโจทก์ร่วม และขอใช้ทนายของกลุ่มดำเนินการต่อสู้" นายสุริยะใส กล่าว 

 เเละว่า ขอยืนยันต่อท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง และการนัดประชุมอดีตแกนนำนั้น เป็นเพียงการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางของการต่อสู้ทางคดีความเท่านั้น ดังนั้นขอให้รัฐบาลสบายใจและเลิกกังวล 

related