svasdssvasds

เปลี่ยนความตระหนักรู้ในตนเองเป็นการเปลี่ยนตัวคุณให้ดีขึ้นได้อย่างไร

เปลี่ยนความตระหนักรู้ในตนเองเป็นการเปลี่ยนตัวคุณให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

คนที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นคนที่มีความตระหนักรู้ในตนเอง นั่นคือเข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน ความรู้สึกนึกคิด และคุณค่าของตัวเอง พร้อมทั้งรู้ด้วยว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อคนรอบข้างอย่างไร แต่ความตระหนักรู้ในตนเองจะไม่มีประโยชน์เลย หากไม่รู้วิธีการจัดการตัวเองด้วย

การจัดการตัวเอง คือการเลือกที่จะต่อต้านความชอบหรือพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง และแทนที่ด้วยการทำตัวให้มีผลิตภาพ (productive) มากขึ้น และนี่คือ 4 ขั้นตอนของการจัดการตัวเอง

  1. อยู่กับปัจจุบัน ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นๆ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 นาทีที่แล้ว หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
  2. รู้สึกตัว รู้ตัวว่ากำลังเห็นอะไร ได้ยินอะไร รู้สึกอะไร ทำอะไร พูดอะไรอยู่ และกำลังคิดจะทำอะไร
  3. ระบุทางเลือกสิ่งที่จะทำได้ คุณอยากทำอะไรต่อไป อะไรคือผลที่ตามมาของแต่ละทางเลือก และมีทางอื่นอะไรอีกบ้างแม้เป็นสิ่งที่คุณไม่อยากทำ
  4. ตั้งใจเลือกการกระทำที่คิดว่าจะให้เกิดผลสูงสุด ทางเลือกไหนที่จะให้ผลออกมาที่ดีที่สุด แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งง่ายๆ

สิ่งที่ทำให้การจัดการตัวเองเป็นเรื่องยาก เพราะการกระทำที่นำไปสู่ผลิตภาพที่ดีส่วนใหญ่มักไม่เป็นไปในทางเดียวกับสิ่งที่เราชอบทำ ซึ่งการที่ต้องทำสิ่งที่ไม่ค่อยชอบมักทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกไม่ชำนาญ รู้สึกไม่ดี การทำอะไรที่ขัดกับสิ่งที่เราทำจนเป็นนิสัย ทำให้สมองเราสั่งงานการตอบสนองแบบอัตโนมัติ แต่การทำอะไรนอกเหนือที่ทำเป็นประจำ จะบังคับให้เราต้องคิดพิจารณาสถานการณ์ ทางเลือก ตัดสินใจ และลงมือทำ แต่แม้ว่าอาจจะฟังดูยาก การจัดการตัวเองเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ และนี่คือวิธีเริ่ม

  1. ตัดสินใจว่าอยากเริ่มจัดการตัวเองที่จุดไหน ให้ความสนใจว่าปกติแล้วตัวคุณเองทำตัวอย่างไร คุณชอบพูดชอบทำอะไร และคุณไม่ชอบพูดและไม่ชอบทำอะไร ลองพยายามระบุสถานการณ์ที่วิธีการจัดการของคุณไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ และสถานการณ์ที่การจัดการตัวเองน่าจะเป็นประโยชน์
  2. สังเกตและลองสะท้อนดูตัวเองว่าอะไรทำให้คุณไม่จัดการตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่คุณไม่ได้จัดการตัวเอง แต่จริงๆ แล้วคุณอยากทำ สังเกตว่าคุณรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร และคุณตีความหมายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวอย่างไร อะไรทำให้คุณประพฤติตัวอย่างนั้น เป็นเพราะขาดการตระหนักรู้ ณ เวลานั้นหรือไม่ อยากดูดี ขาดทักษะ ขาดความมั่นใจ หรือเหตุผลอื่น  อย่างเช่น ถ้าคุณชอบแย่งพูดก่อนและพูดมากเกินไประหว่างการประชุม ลองหาเหตุผลว่าทำไมคุณถึงพูดมากไป บางทีอาจเป็นเพราะคุณชอบความคิดตัวเองมากกว่าของคนอื่น หรือคุณแค่ไม่เคยมีความคิดว่าต้องพูดน้อยลง บางคนอาจคิดข้ามขั้นตอนการสะท้อนดูตัวเอง แต่การเข้าใจเหตุผลของการกระทำเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง
  3. พิจารณาทางเลือกและปฏิกิริยาที่คุณมีต่อทางเลือกนั้นๆ ถ้าคุณกำลังพยายามจัดการตัวเองใหม่ แทนที่จะทำอะไรไปตามโหมดอัตโนมัติ ลองคิดว่าจะทำอะไรได้อีก มีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่ ลองสังเกตปฏิกิริยาที่คุณชอบทำแล้วถามตัวเองว่าคุณกำลังหลีกเลี่ยงอะไรอยู่หรือเปล่าถึงได้เลือกทำอย่างนั้น อย่างเช่นเรื่องพูดมากเกินไประหว่างประชุม คุณอาจพยายามลองรอให้คนอื่นพูดก่อนที่คุณจะเสนอความคิดเห็น แล้วลองคิดดูว่าทำไมปกติแล้วคุณถึงชอบแย่งพูดก่อน คุณกลัวว่าคนอื่นจะเสนอความคิดแบบเดียวกันแล้วได้ความดีความชอบ หรือคุณคิดว่าคนอื่นไม่น่ามีความคิดเห็นที่ดีกว่าของคุณ และจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ดี
  4. วางแผน ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าอยากเปลี่ยนตัวเองตรงไหน และเข้าใจตัวเองดีขึ้นว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมของคุณ พร้อมทั้งได้พิจารณาทางเลือกที่คุณมี กลับไปตัวอย่างเดิมเรื่องแย่งพูดในที่ประชุม คุณอาจวางแผนไว้ก่อนว่าจะพูดไม่เกินกี่ครั้ง และครั้งละไม่เกินกี่นาที หรือตั้งใจไว้ว่าในบางการประชุม คุณจะนั่งฟังอย่างเดียว
  5. ฝึกฝน พฤติกรรมเก่าๆมักสั่งการโดยอัตโนมัติจากสมอง คุณต้องสร้างพฤติกรรมใหม่โดยการฝึกฝน อย่างเรื่องนิสัยการพูดในที่ประชุม คุณอาจเริ่มนับว่าคุณออกความเห็นไปกี่ครั้งแล้ว และหยุดเสนอความเห็นเมื่อถึงจำนวนที่คุณวางแผนไว้ แม้คุณคิดว่ามีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ต้องพูด ทำบ่อยๆ จนคุณจัดการพฤติกรรมตัวเองได้ ในขณะเดียวกัน ลองสะท้อนดูตัวเองว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง
  6. ทำอีกครั้งตั้งแต่ต้น กลับไปทำข้อ 2 ใหม่ และสังเกตความพยายามของตัวเอง สะท้อนทางเลือกที่คุณนึกออก ลองปรับเปลี่ยนแผน และฝึกฝน ทุกๆ ครั้งที่สำเร็จ คุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น อะไรที่ทำให้คุณทำในสิ่งที่ทำ และจะปรับปรุงตัวเองได้อย่างไร

เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะเลือกทำในสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีและสิ่งที่คุ้นเคย และละเลยการจัดการตัวเอง แล้วถ้าเราทำแบบนั้นเสมอๆ เราก็ไม่ได้ให้โอกาสตัวเองให้ปรับปรุงให้ดีขึ้น การเป็นผู้นำที่มีศักยภาพ คุณต้องสามารถจัดการตัวเองได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง Self-awareness ความตระหนักรู้ในตนเองคือทักษะสำคัญของชีวิต

related