svasdssvasds

5 ประโยคที่พ่อแม่ห้ามเผลอพูดต่อหน้าลูกน้อย

5 ประโยคที่พ่อแม่ห้ามเผลอพูดต่อหน้าลูกน้อย

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

สิ่งที่พ่อแม่ทำและพูดให้ลูกเห็นและได้ยิน ส่งผลกระทบกับลูกในระยะยาว สิ่งที่เราพูดกับลูกหรือแม้แต่พูดกับคนอื่นเวลาที่อยู่กับลูก ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อของเราเกี่ยวกับการมองโลก แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อของลูกในขณะที่เขาเติบโตขึ้นมาอีกด้วย

ดังนั้น พ่อแม่จึงควรระมัดระวังบางคำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่าลืมว่ามันจะส่งผลอย่างไรบ้างเมื่อลูกได้ยิน คำพูดบางคำอาจฟังดูไม่มีพิษมีภัย แต่กลับส่งผลต่อการตัดสินใจของลูก เมื่อเขาเติบโตขึ้นมา อาจถึงขั้นที่ทำให้เขาเชื่อว่า เขาไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตก็ได้ นักจิตวิทยารวบรวม 5 ประโยคที่พ่อแม่ห้ามเผลอพูดต่อหน้าลูกน้อยไว้ ลองมาดูกัน

“เราไม่มีเงินซื้อหรอก”

หากมีสิ่งที่คุณอยากได้จริงๆ แต่ราคาเกินเอื้อม อย่าเอาแต่พูดว่า สาเหตุที่คุณไม่ได้ซื้อ เป็นเพราะเรื่องเงินนี่แหละ แต่จงทำให้ลูกเห็นว่า คุณควบคุมการเงินของคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น ให้พูดว่าแม่วางแผนจะซื้อบ้านหลังใหญ่ให้เราอยู่กัน แต่ในเมื่อทำไม่ได้ในตอนนี้ แม่ก็จะเรียนออนไลน์ เพื่อให้มีทักษะในการทำงานเพิ่มขึ้น จะได้เงินเดือนขึ้นไง หรือหากลูกอยากไปเที่ยวสวนสนุก ก็บอกลูกว่า ปีนี้ค่าตั๋วยังไม่ได้อยู่ในงบรายจ่ายของบ้าน ให้ลูกเริ่มหยอดกระปุกเก็บเงินไปเที่ยวในปีหน้า

“ลูกทำให้แม่โกรธแล้วนะ”

สิ่งสำคัญของการเป็นพ่อแม่คืออารมณ์ต้องนิ่ง และมีความยับยั้งใจไม่ให้ดุว่าลูกด้วยการใช้อารมณ์ แทนที่คุณจะโวยวาย จงใช้คำพูดเช่น “แม่ไม่ชอบเลยที่ลูกทำแบบนี้” และอธิบายว่าทำไมจึงไม่ชอบการที่ลูกได้เข้าใจว่า พฤติกรรมเช่นนั้นส่งผลต่อคนอื่น เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะทำให้ลูกระมัดระวังต่อความรู้สึกของคนอื่นมากขึ้นนอกเหนือไปจากการใส่ใจแต่ความรู้สึกของตนเอง นอกจากนี้ การที่คุณมีอารมณ์นิ่ง ยังเป็นการสอนลูกว่า เราทุกคนมีความสามารถในการควบคุมความรู้สึกของตัวเอง เราคือคนที่บริหารความรู้สึกเหล่านั้นด้วยวิธีที่เป็นทางบวก นั่นคือคุณกำลังสอนลูกให้คิดว่า การโทษคนอื่นในสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่โอเค

เราทุกคนเป็นมนุษย์ทั่วไป มีหลายครั้งที่เราควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หากมันเกิดขึ้นต่อหน้าลูก และคุณพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณเสียใจ ให้เริ่มต้นด้วยคำขอโทษ “ขอโทษที่อารมณ์เสียไปหน่อยคราวหน้าแม่จะควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้นกว่านี้อีก”

“ไม่ชอบงานที่ทำอยู่เลย”

อาจมีบางวันที่คุณกลับจากที่ทำงานอย่างอ่อนแรง และระบายให้คู่ของคุณฟัง มันอาจฟังดูไม่น่ามีปัญหาใดๆ เพราะคุณไม่ได้แม้แต่จะพูดกับลูกโดยตรงๆ แต่จงจำไว้ว่า ลูกจะเก็บเล็กผสมน้อยคำพูดเหล่านี้ไว้โดยไม่รู้ตัว มีงานวิจัยที่พบว่า ทัศนคติเกี่ยวกับชีวิตของเรา มีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงในการกำหนดความสำเร็จของลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสำเร็จในด้านการศึกษานอกจากนี้ การที่คุณบ่นเรื่องงานต่อหน้าลูก เป็นการสอนลูกว่า การทำงานไม่ใช่เรื่องสนุก ผลก็คือลูกอาจจะโตขึ้นโดยมีความเชื่อว่า การเติบโตเป็นผู้ใหญ่และต้องใช้เวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการทำงานนั้น เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก

คุณสามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นการพูดให้ชัดเจนว่า การทำงานเป็นทางเลือกหนึ่งของคุณ และคุยถึงสิ่งที่คุณทำเพื่อให้ชีวิตการทำงานของคุณดีขึ้น

“แม่ต้องไป...”

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพูดว่าคุณต้องทำอะไรต่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นการไปทำธุระหรือไปกินอาหารเย็นที่บ้านคุณตาคุณยาย คำว่า”ต้อง”เป็นการบอกทางอ้อมว่า คุณถูกบังคับให้ทำนั่นทำนี่ โดยที่คุณไม่ได้ต้องการจะทำ แทนที่จะพูดคำว่า”ต้อง” จงแสดงให้ลูกเห็นว่า คุณสามารถควบคุมเวลาของคุณเองได้ การตัดสินใจว่าจะทำอะไร ทำเมื่อไหร่ และทำอย่างไร ขึ้นอยู่กับคุณเท่านั้น

เด็กที่เติบโตอย่างประสบความสำเร็จ คือเด็กที่เข้าใจว่าชีวิตเป็นเรื่องของสิ่งที่เราเลือกเอง คุณสามารถสอนบทเรียนสำคัญนี้กับลูกได้ โดยการใช้คำพูดเช่น “แม่ยังไม่อยากไปซื้อของวันนี้หรอก แต่เราก็น่าจะมีของสดเผื่อไว้ในตู้เย็นทั้งอาทิตย์” หรือ “แม่เหนื่อยนิดหน่อย แต่เราบอกคุณยายไว้แล้วว่าจะไปหา แม่เลยอยากรักษาคำพูดไม่ให้คุณยายผิดหวัง”

แน่ล่ะ ย่อมมีบางสิ่งบางอย่างที่ลูกไม่อยากจะทำ แต่ก็ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เช่นการเข้านอนตามเวลาและกินผัก ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณควรอธิบายเหตุผล ว่าทำไมลูกจึงควรทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เมื่อลูกเข้าใจความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ลูกก็จะยอมทำตามไปเอง

“แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง”

ถ้าลูกไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมกีฬา การทำให้ลูกหลงเชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาดี เป็นการไม่ได้เตรียมตัวลูกไว้สำหรับอนาคต แทนที่จะบอกลูกว่าเดี๋ยวอะไรๆก็จะออกมาดีเองแหละ จงสอนลูกให้เข้มแข็งพอที่จะจัดการกับเรื่องน่าผิดหวังในชีวิต ลูกของคุณอาจต้องฝึกซ้อมมากขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้กอดลูกและรับรู้ความรู้สึกของลูก โดยการพูดว่า แม่รู้ว่าวันนี้ลูกอยากได้รับคัดเลือกจริงๆ แต่วันข้างหน้าก็ยังมีโอกาสอีกเยอะนะลูกนะ จากนั้น ก็สนับสนุนให้ลูกฝึกต่อไป และพยายามใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อลูกพร้อม การให้แนวทางกับลูก เพื่อให้ลูกผ่านช่วงยากลำบากในชีวิตไปได้ จะทำให้ลูกพร้อมที่จะจัดการกับอุปสรรคด้วยตัวเองในอนาคต

related