svasdssvasds

7 วิธีพื้นฐานปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

7 วิธีพื้นฐานปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า ตกหลุมรักนั้นง่ายกว่าการทำให้รักนั้นยืนยง การรักษาสัมพันธ์ให้ดีเป็นเรื่องที่ต้องพยายามทั้งสองฝ่าย และเรามีข้อแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่เป็นนักบำบัดจิตวิทยาชาวออสเตรเลียมาฝาก

การสื่อสารในความสัมพันธ์นั้นต้องได้รับความใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เริ่มจากพื้นฐานง่ายๆ และค่อยสร้างวิธีการสื่อสารระหว่างสองฝ่าย เพื่อที่จะทำให้ความรักและความเชื่อมโยงที่คุณมีต่อกันนั้นยั่งยืน

พยายามเข้าใจอีกฝ่าย ก่อนพยายามให้อีกฝ่ายเข้าใจตัวเอง

หนึ่งในพฤติกรรมมที่ส่งผลลบมากที่สุดต่อความสัมพันธ์ คือวงจรการวิพากษ์วิจารณ์และการปกป้องตัวเอง วงจรนี้มักเกิดขึ้นเพราะคุณได้ยินบางสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นการโจมตีหรือการวิจารณ์จากอีกฝ่าย นำไปสู่การปกป้องตัวเองทันที วงจรนี้ทำให้คุณทั้งสองคนต่างไม่ฟังกันและกัน เมื่อคุณเริ่มปกป้องจุดยืนตัวเอง คุณก็จะเริ่มเสียโอกาสในการเข้าใจอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าคุณรู้สึกว่ากำลังถูกโจมตี ลองพยายามเข้าใจความติดและความรู้สึกของอีกฝ่ายก่อนจะโต้ตอบ

ชะลอการสื่อสารด้วยการตั้งใจฟังอีกฝ่ายอย่างแท้จริง

เรื่องเล็กน้อยหลายอย่างเกิดบานปลายเมื่อวงจรการวิจารณ์และการปกป้องตัวเองเริ่มเป็นกระแส ความขัดแย้งมักพัฒนาอย่างรวดเร็วจนคุณอาจพลาดข้อมูลหลายอย่างที่อีกฝ่ายพยายามบอก เรื่องที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้บทสนทนา ทำให้ยากที่จะพยายามคุยกันแบบเย็นๆ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนามันไปเร็วเกิดนไปแล้ว ลองตั้งใจหยุดชะงักและชะลอการแลกเปลี่ยนลง ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าคุณตั้งใจที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังพูด การชะลอหรือใส่เบรกจะช่วยลดสปีดที่จะพัฒนาความขัดแย้ง และจะทำให้คุณทั้งสองคนยังสามารถสื่อสารกันแบบคนโตแล้ว

จงมีความสงสัยในมุมมองของอีกฝ่าย

เรื่องนี้อาจฟังดูง่ายกว่าทำ โดยเฉพาะเมื่อคุณรู้สึกว่าเป็นฝ่ายถูกโทษ ถูกวิจารณ์ หรือถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ในสถานการณ์นี้คือ พยายามมีความสงสัยในมุมมองของอีกฝ่าย ความสงสัยนี้จะช่วยปลดอารมณ์โจมตีของทั้งสองฝ่าย ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ลดความตึงเครียดระหว่างสองคน ความขี้สงสัยจะทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับอีกฝ่าย และยังส่งเสริมให้การพูดคุยของคุณนำไปสู่การแก้ปัญหา แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่คุณจะยังคงไม่เห็นด้วยกับมุมมองของอีกฝ่ายที่ ในขณะเดียวกันยังคงมีความสงสัยและสนใจในความแตกต่าง

ตระหนักว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ของคุณและเรียนรู้ที่จะทำให้เย็นลง

เมื่อคุณรู้แล้วว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของคุณ มันจะทำให้คุณรู้สึกตัวเร็วขึ้นเมื่อความรู้สึกไม่ดีนั้นกำลังเกิด ทุกคนย่อมมีปูมหลังติดมาด้วย จากสมัยเด็ก จากความสัมพันธ์ก่อนๆ จากสมัยเรียน และแน่นอนว่าจากครอบครัว ไม่มีใครที่ไม่เรื่องราวปูมหลังติดมา หมั่นสังเกตตัวเอง แม้ช่วงที่กำลังถูกกระตุ้นให้อารมณ์เสียโดยอีกฝ่าย ลองดูว่าคุณสามารถบอกตัวเองได้หรือไม่ว่า “ฉันรู้สึก [เติมคำแทนความรู้สึก] ตอนนี้ และฉันคิดว่ามันไปแตะเรื่องในอดีตที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” การที่คุณตระหนักได้ว่าอะไรในอดีตเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกไม่ดีบางอย่าง จะช่วยให้คู่ของคุณเข้าใจว่ามันมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เห็นตรงหน้า

พยายามเอาใจอีกฝ่ายมาใส่ใจเราเพื่อสร้างความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นขึ้น

การเอาใจเขามาใส่ใจเรา มองโลกจากมุมมองของอีกฝ่าย เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีของความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อใดก็ตามที่คุณตอบสนองอีกฝ่ายด้วยความเอาใจใส่ นั่นจะทำให้เกิดความเชื่อมโยงที่ลึกขึ้น และสร้างความรู้สึกมั่นคงและเชื่อมั่นระหว่างสองฝ่าย นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยอมแพ้และยกเลิกสิ่งที่คุณต้องการหรือความคิดของคุณ แต่มันหมายความว่าคุณได้หยุดการมองโลกจากมุมมองตัวเองชั่วคราว และมองโลกในแบบที่คู่ของคุณมอง นี่อาจทำให้คุณสังเกตสิ่งดีงามเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณอาจไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ทำอย่างนี้บ่อยๆ อีกฝ่ายต้องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน และนำไปสู่การเปิดใจต่อกันและกันมากขึ้น

รับฟังความต้องการหรือความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของอีกฝ่าย

เมื่อคู่ของคุณกำลังอยู่ในความเครียดและเริ่มบ่นหรือแสดงความไม่พอใจ หรือเมื่อยามที่คุณรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังโจมตีหรือโยนความพิษให้คุณ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังมีอารมณ์หรือความต้องการที่ไม่ได้แสดงออกมา ความท้าทายคือคุณต้องพยายามฟังว่าความรู้สึกที่ซ่อนอยู่นั้น จริงๆ แล้วคืออะไร เมื่อใดทีคุณค้นพบ คุณจะสามารถมองข้ามความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายใช้เป็นหน้ากาก และเข้าถึงความรู้สึกของเขาจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณจะต้องเอาตัวเองออกมาจากเรื่องที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ แล้วพิจารณาและรับฟังสิ่งที่ไม่ได้ถูกพูดออกมา คุณต้องหยุดปกป้องตัวเองชั่วคราวเพื่อที่จะเชื่อมโยงกับความต้องการของอีกฝ่ายได้ เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังมีความขัดแย้ง ลองหยุดสักอึดใจ และมองหาว่ามีอะไรในบทสนทนานั้นที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงออกมา เตือนตัวเองว่าอีกฝ่ายกำลังเครียดและไม่สามารถเล่าภาพรวมของความคับข้องใจนั้นกับคุณได้ ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง และใช้ความขี้สงสัยของคุณค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้บอก

คาดเดาปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นปัญหา

ปัญหาในชีวิตคู่หลายอย่างที่กำลังมีอยู่ จริงๆ แล้วควรได้รับการจัดการตั้งแต่ต้นๆ คุณอาจรู้สึกว่าก็เมื่อทุกอย่างรวมๆ มันกำลังดี คุณไม่อยากเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่มาเป็นประเด็น แต่การหลีกเลี่ยงที่จะคุยกันเรื่องปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป มักนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจถึงขึ้นระเดเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ควรเป็น ความเป็นจริงคือ คู่ไหนก็ตามที่พยายามหลีกเลี่ยงความเห็นไม่ตรงกันเล็กน้อย สุดท้ายมักจลงด้วยความขัดแย้งและปัญหาใหญ่ ลองพยายามสังเกตและพูดถึงสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้ ลองพยายามหาเวลาคุยกันเป็นประจำ สำรวจว่ามีอะไรที่เป็นปัญหาขัดใจหรือไม่ และประเมินว่าความสัมพันธ์นั้นอยู่ในทิศทางใด การทำอย่างนี้เป็นประจำ จะกลายเป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกัความสามารถของคุณในการแก้ปัญหาหรือจัดการเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน

related