svasdssvasds

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

หากใครที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ “อาหารอินเดีย” ก็คงจะเคยได้ยินชื่อ “เชฟรูฟ” แห่ง “ร้านอัลราฮามัน” (Al-Rahaman Restaurant) กันมาบ้างแล้ว เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา ร้านนี้นับเป็นหนึ่งในร้านยอดฮิตบนโลกโซเชียล ที่เหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์และยูทูบเบอร์ชื่อดัง ต่างตบเท้ากันเข้ามาลิ้มลองรสมือของเชฟชาวบังกลาเทศท่านนี้ และลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่าต้อง “กลับมาซ้ำ” แน่นอน เพราะไม่ใช่แค่ติดใจในรสชาติอาหารที่ถูกปากเท่านั้น แต่ยังติดใจในความเป็นกันเองของเชฟรูฟด้วย ทางเราก็ไม่รอช้า รีบไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อกลับมารีวิวให้คุณผู้อ่านชมกัน ว่าควรค่าแก่การไปโดนไหม

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

เรามาถึงร้านช่วงเช้าวันเสาร์ โดยมาถึงเป็นคนแรก ๆ ของร้าน แต่ก็ยังต้องบอกว่าช้าไปด้วยซ้ำ เพราะก่อนร้านเปิด เชฟก็เร่งทำออเดอร์ของลูกค้าเดลิเวอรี่อยู่ 2-3 เจ้า ยังไม่นับรวมกับลูกค้าที่โทรมาจองคิวล่วงหน้าอีก 2 โต๊ะ จึงขอเข้าไปพูดคุยกับเชฟถึงในครัว ขณะที่เชฟกำลังเตรียมอาหารอยู่ซะเลย โดยเชฟรูฟเล่าให้ฟังว่า จริง ๆ เปิดร้านในซอยพุทธโอสถ ย่านบางรัก แห่งนี้มาเกือบ 5 ปีแล้ว แต่ตัวเองอยู่เมืองไทยมานานกว่านั้น จึงพอฟัง-พูดไทยรู้เรื่อง และพอทราบว่ารสชาตแบบไหนที่คนไทยชอบ ส่วนสูตรอาหารต่าง ๆ เชฟขอยกเครดิตให้คุณแม่ ผู้ซึ่งทำอาหารอร่อยให้กินตั้งแต่สมัยยังอยู่บังกลาเทศ พอเชฟเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงธากา จึงต้องย้ายมาอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรก และหัดเอาสูตรของคุณแม่มาทำกินเองตั้งแต่นั้น ก็ทำกินกันกับเพื่อน ๆ บ้าง และเพื่อนก็ติดใจ จึงเป็นคนที่ชอบทำอาหารให้คนอื่นทานตั้งแต่นั้นมา

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

เราจึงขอให้เชฟคัดเลือกจานเด็ดมาสัก 3-4 อย่าง เอาที่เป็นพระเอก-นางเอกของร้าน บอกตามตรงว่าใช้เวลารอกันพักใหญ่ เพราะเชฟเล่นยกช้อนชามเล็ก ๆ ออกมาให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะชิมว่าชอบความเผ็ดระดับไหน ด้วยอยากทำอาหารให้ได้รสที่ทุกคนถูกใจ ก่อนที่จะกลับเข้าไปปรุงใหม่อีกสักพักและให้ลูกน้องยกมาเสิร์ฟ แน่นอนว่าพอเราได้เห็นหน้าตาอาหารและลิ้มรสแต่ละจานหลังจากที่รออยู่นาน ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย โดยเมนูที่เชฟจัดมาให้ก็มีตามนี้

Masala Papad: เริ่มต้นกันที่อาหารเรียกน้ำย่อย “มาซาล่า ปาเปิด” ซึ่งเป็นข้าวเกรียบทอดแบบบางกรอบ เนื้อข้าวเกรียบเค็มนิดหน่อย แต่พอโรยหน้าด้วยหัวหอม มะเขือเทศ มะนาว และมาซาล่าแล้ว ก็เข้ากันอย่างลงตัว ได้รสเปรี้ยว-เค็มแต่ก็ให้ความสดชื่นได้ดี

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

Hummus: อีกหนึ่งอย่างที่เสิร์ฟเคียงในจานข้าวเกรียบคือ “ฮัมมัส” ดูจะหลุดธีมไปจากอาหารอินเดียสักหน่อย เพราะมันคือถั่วลูกไก่บดของชาวอาหรับ แต่วันนี้เราโชคดีที่มีลูกค้าสั่งเมนูพิเศษจานนี้ เชฟรูฟเลยแอบกระซิบว่าจริง ๆ ทำอาหารอาหรับได้ด้วยนะ และแบ่งออกมาให้เราได้ลองชิม เนื้อถั่วเนียนมากและมีความเปรี้ยวของมะนาวเล็กน้อย อร่อยแปลกลิ้นไม่เบา

Chicken Briyani: มาถึงเมนคอร์สคือ “ข้าวบริยานี่ไก่” ที่แม้หน้าตาอาจดูเหมือนข้าวหมกไก่ที่เราเคยกิน แต่รสชาตกลับมีความแตกต่างกันอยู่ เพราะเครื่องเทศนำเข้าจากอินเดียที่ให้กลิ่นหอม รวมถึงเมล็ดข้าวบริยานี่ที่มีความบางและยาวกว่าข้าวสวยของไทย ส่วนเนื้อไก่ที่กินกับข้าวนั้น จัดมาเป็นสะโพกและน่องชิ้นใหญ่จุใจ ไม่ใช่ไก่จกตาชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แอบอยู่ใต้ข้าวหมกแน่นอน

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

Chicken Butter & Garlic Naan: ถ้ามากินอาหารอินเดียแล้วไม่มีแกงกับโรตีก็เหมือนยังมาไม่ถึง เชฟเลยเสิร์ฟแกงชิคเก้นบัตเตอร์คู่กับแป้งนานกระเทียม แกงไก่ตัวนี้มีความครีมมี่เข้มข้นแต่ก็ยังไม่หลุดจากกลิ่นเครื่องเทศละมุน ๆ ที่ซ่อนอยู่ และยังมีแป้งนานหนานุ่ม โรยด้วยงาขาว และยังมีกลิ่นกระเทียมหอม ๆ ด้วย ซึ่งเมนูนี้เราขอติดดาวให้ นักชิมอาหารอินเดียมือใหม่ ที่ยังกลัวรสเครื่องเทศแรง ๆ ก็สามารถเริ่มจากเมนูนี้ก่อนได้เลย

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

ระหว่างที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เชฟรูฟก็โฉบออกมาจากครัว และประกาศว่า อย่าเพิ่งกินอิ่มนะ ! วันนี้มีขนมหวาน ใช่แล้ว ขนมหวาน 2 อย่างคือ “กุหลาบจามุน” และ “ราสมาไล” ที่เชฟทำเอง ถูกแจกจ่ายไปตามโต๊ะในถ้วยเล็ก ๆ และแน่นอนว่า ไม่ได้มีโต๊ะไหนสั่งเลย เพราะนั่นคือขนมฟรีที่เชฟอยากให้ทุกคนได้ลองชิม แถมเมื่อเคลียร์ออเดอร์เสร็จหนึ่งรอบใหญ่แล้ว ก็จะออกมาพูดคุยรับฟีดแบ็คของอาหารอย่างตั้งใจและพูดคุยกับลูกค้าด้วยความเป็นกันเอง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปทำอาหารให้ลูกค้าและบรรดาไลน์แมนที่มานั่งต่อคิวหน้าร้าน

“เชฟรูฟ” ผู้เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นเพื่อนด้วยอาหารอินเดีย

ด้วยความเป็นกันเองบวกกับคาเรคเตอร์หนุ่มใจดีแบบนี้ ทำให้มีลูกค้ามากมายที่วนกลับมาบ่อย ๆ  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าเชฟรูฟเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักไปแล้ว ซึ่งเชฟเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนนี้ ยังเป็นร้านโล่ง ๆ ไม่มีอะไรเลย เมนูก็เขียนเอาง่าย ๆ แต่ด้วยความช่วยเหลือของลูกค้าประจำนี่เอง ทำให้ร้านอัลราฮามันมีห้องน้ำสวย ๆ ไว้ให้บริการ เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีมาลงมือเพ้นท์ตกแต่งร้านให้เอง รวมถึงเมนูสวย ๆ อ่านง่ายก็มีลูกค้าเจ้าประจำมาช่วยดีไซน์ให้ บางครั้งลูกค้าจะมากินอาหาร ก็มีขนมติดไม้ติดมือมาฝากให้เชฟและทีมงานในร้านด้วย บรรยากาศอบอุ่น อาหารน่ารับประทานแบบนี้ น่าจะทำให้คุณผู้อ่านกล้าที่จะลองเปิดใจกับอาหารอินเดียบ้างหรือยังคะ? หากใครพร้อมแล้วก็ลองแอบไปส่องในแฟนเพจของร้านดูก่อนได้เลยค่ะ Al-Rahaman Restaurant หวังว่าคุณผู้อ่านจะสนุกกับการเปิดใจทดลองเรียนรู้วัฒนธรรมภารตะกันนะคะ

related