svasdssvasds

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับผู้สูงวัย ที่ต้องหยุดเชื่อกันได้แล้ว

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับผู้สูงวัย ที่ต้องหยุดเชื่อกันได้แล้ว

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

เป็นที่รู้กันว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สภาวะสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การเป็นผู้สูงวัยในวันนี้ ไม่เหมือนกับคนแก่ที่เราเคยเห็นในอดีต หลายคนยึดติดกับความคิดที่ว่า เมื่ออายุมากขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ มีเพศสัมพันธ์ ใช้ชีวิตแอคทีฟ และมีสมองเฉียบคมอย่างที่เคยเป็น ความคิดดังกล่าวไม่เป็นความจริงเสมอไป แน่นอนว่า ผู้สูงวัยอาจมีหลายเรื่องที่ทำได้ยากขึ้น เช่น แทนที่จะวิ่งออกกำลังอย่างเคย ก็อาจต้องหันไปเดินออกกำลังกายแทน เพราะอาจเกิดอาการเจ็บเข่าได้ง่าย เป็นต้น แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องฝังใจกับความเชื่อเก่าๆ หากคุณเป็นผู้สูงวัย หรือมีคนใกล้ชิดที่ต้องดูแล จงพยายามโฟกัสในสิ่งที่ผู้สูงวัยทำได้ ทั้งเรื่องของการกินอาหารที่เป็นประโยชน์ และการทำตัวให้กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ

ความเชื่อผิดๆ 5 ข้อ ที่เราควรเลิกเชื่อได้แล้ว เพื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัยอย่างคนที่มีชีวิตสดชื่นแจ่มใสและมีสุขภาพแข็งแรง

ผู้สูงวัยไม่จำเป็นต้องเข้าสังคม

มีความเชื่อที่ว่า ผู้สูงวัยชอบอยู่กับบ้าน และไม่ชอบออกไปไหนมาไหนเท่าไหร่นัก จริงอยู่ กิจกรรมและสิ่งแวดล้อมของผู้สูงวัยอาจปรับเปลี่ยนไป เช่น อาจกินอาหารเย็นเร็วขึ้น แล้วนั่งดูโทรทัศน์กับลูกหลาน แทนที่จะออกไปเปรี้ยวซ่าเหมือนสมัยหนุ่มสาว แต่ผู้สูงวัยก็ยังต้องการมีสังคมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งกายและใจ ในยุคสมัยที่การเดินทางในเมืองสะดวกมากขึ้น เรามักเห็นผู้สูงวัยนัดเพื่อนฝูงออกมาชอปปิง หรือแม้แต่ออกมาเดินเล่นตามห้างเพื่อความเพลิดเพลินมากกว่าแต่ก่อน แต่วิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าสังคม คือการร่วมรับประทานอาหารกับคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูง เพื่อให้ผู้สูงวัยรู้สึกมีความสุขมากขึ้นในหมู่เครือญาติ และเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย การกินอาหารร่วมกับผู้อื่นช่วยให้โฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และทำให้มีสติมากขึ้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและสิ่งที่อยู่ในจาน

แก่แล้วจะมาใช้ชีวิตแบบแอคทีฟได้อย่างไร

เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะคนอายุมากแล้วก็ยังสามารถทำนั่นทำนี่รอบบ้านได้อย่างกระฉับกระเฉงตามวัย คำว่ากิจกรรม ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการวิ่งเร็ว หรือถีบจักรยาน และไม่ได้แปลว่าต้องเผาผลาญแคลอรี หรือทำให้คุณรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากทำกิจกรรมนั้น ผู้สูงวัยมีความเสี่ยงสูงจากอาการกระดูกเสื่อมและอาการปวดข้อ ซึ่งทำให้การเวิร์คเอาท์หนักๆทำได้ยากขึ้น และอาจส่งผลให้กระดูกร้าวและบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงวัยยังสามารถเดิน หรือวิ่งเหยาะๆในระยะทางสั้นๆ เล่นโยคะ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่รุนแรง หรือแม้แต่การเต้นรำในจังหวะซุมบา หรือเข้าคลาสแอโรบิกทางน้ำ ซึ่งน้ำช่วยในเรื่องของข้อต่างๆได้ดีอีกด้วย มีหลายคนที่เล่นกีฬาออกกำลังอย่างหนักและปีนเขาในช่วงสูงอายุนี่เอง

คนแก่คิดแต่เรื่องเก่าๆ

“ไม้แก่ดัดยาก” ไม่จริงเสมอไปหรอก มีบางคนคิดว่า คนแก่มีวิธีคิดแบบเก่าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของการกินเพื่อสุขภาพ ผู้สูงวัยอาจต่อต้านการเปลี่ยนจากการกินข้าวไปเน้นผักมากขึ้น หรือการงดกินน้ำผลไม้ โดยดื่มน้ำเปล่าแทน อย่างไรก็ตาม หากได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้สูงวัยก็สามารถปรับอาหารให้มีประโยชน์มากขึ้น เช่น อาหารประเภทโปรตีน ไขมันน้อย ผัก และยังสามารถเลิกใช้เทคนิคการปรุงอาหารที่ไม่ดีกับสุขภาพที่เคยชินในสมัยหนุ่มสาวได้อีกด้วย คุณอาจสนับสนุนผู้สูงวัยที่ต้องการปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอาหาร ด้วยการหาตำราอาหารดีๆให้สักเล่ม นัดให้เจอกับนักโภชนาการ และค่อยๆปรับเปลี่ยนไปทีละน้อย

โรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม

ในขณะที่พันธุกรรมมีบทบาทอย่างสูงในการเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคในช่วงปลายของอายุ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องโชคร้ายอยู่กับมัน การกินอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ด้วยเช่นกัน หากคุณรู้ว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจ คุณควรพบแพทย์ และมุ่งมั่นกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และมีสไตล์การใช้ชีวิตที่จะช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเข้าสู่บั้นปลายของชีวิตอย่างมีความสุข

แก่แล้วความทรงจำเลอะเลือน

อย่างกับว่ายังหนุ่มยังสาวแล้วขี้ลืมไม่เป็นอย่างนั้นแหละ แน่นอนอยู่แล้วว่า เมื่อคุณอายุมากขึ้น อัตราการจดจำของคุณจะช้าลง และคุณจะจำสิ่งต่างๆได้ยากขึ้น เช่น วางกุญแจไว้ที่ไหน หรือวันเกิดหลาน อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นโรคสมองเสื่อม หรือมีระดับความขี้ลืมที่น่าตกใจ

หากคุณกินอาหารที่ดีกับสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างพอเพียง คุณก็จะลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม ยกตัวอย่างเช่น การกินปลาที่มีไขมันดี อย่างปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดอาการอักเสบและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภัย และการกินบลูเบอรีก็ช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมได้เช่นกัน การออกกำลังกายช่วยให้สมองแข็งแรงขึ้น และความคิดในระดับความทรงจำก็ดีขึ้นด้วย จงมุ่งไปที่การกินอาหารเพื่อสมอง และหาเวลาออกกำลังอย่างสม่ำเสมอในระหว่างสัปดาห์

ข้อมูล health.com

related